หัวข้อ: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 28, 2009, 05:21:22 PM รถในเครือ Land Rover มี Range Rover เป็นเรือธง นับเป็นต้นแบบของรถหลายคันในค่ายทั้งเรื่องของรูปทรง และความหรูหรา "Disco" ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมมาเช่นเดียวกัน แม้ไม่อาจเทียบเท่าก็มาจากความตั้งใจของ Land Rover เองที่ต้องการให้รถทั้ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันในส่วนของอรรถประโยชน์ใช้สอย หรือกลุ่มลูกค้ากันอย่างชัดเจน ดังนั้น Range จึงมีเพียง 5 ที่นั่ง ตกแต่งห้องโดยสารให้หรูหรา ขณะที่ "Disco" มีให้เลือกทั้ง 5 และ 7 ที่นั่ง ตัวรถเน้นลุยในทางทุรกันดารมากกว่า Range ในโมเดลปี 2003 ทางผู้ผลิตระบุมาว่ามีความเปลี่ยนแปลงกว่า 700 จุด เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว บางส่วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เรามาว่ากันในส่วนที่เห็นกันชัดๆ ดีกว่า
ไฟหน้ายังเป็นทรงสี่เหลี่ยม แต่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นสวมแทนเบ้าเดิม รวมเอาไฟเลี้ยวมาไว้ในโคมเดียวกัน มุมล่างของโคมไฟเสริมขอบสีเดียวกับตัวรถ แถมยังเว้าร่องไว้รองรับการกระจายของแสงไฟ ลักษณะการวางตำแหน่งของไฟชนิดต่างๆ ดูคล้ายกับ Range กระจังหน้า 3 ซี่ วางอยู่ในแนวนอน มีขนาดใหญ่ขึ้น มุมซ้ายยังติดโลโก้ Land Rover ไว้เช่นเดิม กันชนแปลกตาออกไปจากรุ่นเก่า แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนกลางต่อเนื่องลงมาจากกระจัง มุม (ของกันชนส่วนกลาง) เล่นระดับเป็นสันสูง เพื่อรับหน้าที่รับแรงกระแทก ส่งผลทางสายตาในเรื่องของความบึกบึน ส่วนมุมกันชนซ้าย-ขวา เล่นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยเบ้าติดตั้งไฟตัดหมอกเอาไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ด้านข้างโดยรวมไม่แตกต่างกับรุ่นเก่า เน้นเหลี่ยมสันไล่ระดับ จากฝากระโปรงหน้าจนไปถึงหลังคา ติดตั้ง Roof Rail มาไว้ให้ยึดสัมภาระเช่นเคย ขยับมายืนเล็งที่ท้ายรถ พบความแตกต่างของตำแหน่งไฟเล็กน้อย จากรูปแบบเดิมๆ ของ "Disco" จะมีสัญญาณไฟอยู่ 2 ส่วน คือที่เสาหลังกับที่กันชน ไฟเลี้ยวถูกย้ายตำแหน่งจากกันชนขึ้นมาอยู่ที่เสาหลัง เพื่อความชัดเจนในการส่งสัญญาณไฟ แถมท้ายด้วย Park Distance Control ช่วยกะระยะ และส่งเสียงเตือนขณะถอยจอด มีมาให้ถึง 4 จุด หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 28, 2009, 05:27:26 PM ห้องโดยสารโอ่โถง โปร่ง และโล่งสบาย เอกลักษณ์สำคัญของรถตระกูลนี้
รถ SUV ที่เน้นการใช้งานในทาง Off-Road อย่างจริงจัง จะให้ความสำคัญในส่วนของทัศนวิสัยรอบๆ ห้องโดยสารมากกว่าความสวยงามของตัวรถ เราจึงเห็น "หลังคาทรงสูง" ใน "Disco" และพรางตัวเสาด้วยสีดำเช่นเดียวกับ Range เพื่อไม่ให้รถแลดูใหญ่เทอะทะจนเกินไปนัก ภายในรูปแบบและตำแหน่งของอุปกรณ์ยังคงเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ อุปกรณ์ตกแต่งประเภทหนังแท้สีเดียวกับตัวเบาะนั่ง อาทิ ในส่วนรอบวงพวงมาลัย และส่วนล่างของคอนโซล หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ พฤษภาคม 28, 2009, 09:50:52 PM เยี่ยมมากครับคุณWabmasterขยันจังอย่าลืมขยันทำการบ้านบ้างนะ ;D
หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:22:41 PM ตำแหน่งเบาะนั่งจัดวางเป็น 3 ตอน ในรูปแบบ 2-3-2 ที่นั่ง โดยในตอนหลังสามารถพับเก็บซ่อนไว้ด้านข้างได้ขณะที่หมองรองศีรษะพับเก็บขึ้นบนเพดาน เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก เมื่อวัดออกมาเป็นปริมาตรจะได้ 0.88 ลูกบาศก์เมตร และถ้าไม่พอ เบาะนั่งตอนที่ 2 ก็ยังสามารถพับได้อีก จะแบ่งพับแบบ 40 : 60 หรือจะเลือกพับทั้งหมดก็ย่อมได้ และถ้าพับทั้งหมด จะสามารถจุของได้ถึง 1.7 ลูกบาศก์เมตร
เบาะนั่งคู่หน้าขนาดใหญ่ ทรงสูง ปรับด้วยไฟฟ้า โอบกระชับร่างกายได้ทุกสรีระ (มนุษย์) เบาะนั่งแถว 2 เป็นแบบ Stadium Style ถูกจัดวางตำแหน่งไว้สูงกว่าตอนหน้า จากความรู้สึกส่วนตัวของผู้ทดสอบ คิดว่าเบาะนั่งแถว 2 ของ "Disco" นั่งสบายกว่าใน Range ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก "องศา" ของพนักพิงที่มีให้มากกว่า อีกทั้งตัวเบาะก็ไม่ได้แข็งจนเกินไปนัก ในส่วนอุปกรณ์ให้ความบันเทิงระหว่างเดินทาง Land Rover ติดตั้งเครื่องเสียง พร้อมเครื่องเล่น CD และลำโพงมาให้ถึง 11 ตัว เท่านี้ก็คงไม่ต้องไปเสียสตางค์เพิ่มแล้ว หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:24:15 PM แผงข้าง และคันเกียร์ที่สวยหรู น่าสัมผัส
หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:25:42 PM ขุมพลังดีเซล เทอร์โบ อินเตอร์ แรงม้าไม่มาก แรงบิดมหาศาล
สำหรับเครื่องยนต์ "Td5" เป็นเครื่องซึ่ง Land Rover พัฒนาขึ้นใช้เอง ต่างจากเครื่องยนต์ดีเซลของพี่น้องในค่ายทั้ง "Td4" และ "Td6" ที่หยิบยืมมาจาก BMW ทั้ง 2 บล็อกดังกล่าวใช้ระบบ Common Rail ในการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แตกต่างจากเครื่อง "Td5" ใน "Disco" ที่จ่ายน้ำมันด้วยระบบ Unit Injector แบบเดียวกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้อยู่ในรถยนต์เครือ Volkswagen บ้านเราก็จะมี Passat TDI ที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนี้อยู่ ไหนๆ เกริ่นถึงแล้ว จะขอเปรียบเทียบจุดเด่นของทั้ง 2 ระบบสักนิด เพราะผู้เขียนก็เคยตั้งคำถามในใจว่าระบบไหนมันเจ๋งกว่ากัน คำตอบก็คือเจ๋งทั้งคู่ แต่คนละด้าน Unit Injector สร้างแรงดันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ราวๆ 2,050 bar สูงกว่า Common Rail ประมาณ 500 bar ซึ่งนับว่ามากพอสมควร แรงระเบิดในขั้นตอนการสันดาปจึงรุนแรงกว่า แรงบิดที่ผลิตได้จึงสูงกว่า สิ่งที่ตามมาคือเสียง และอาการสั่นสะเทือนก็มีมากกว่าด้วยเช่นเดียวกัน (แต่อย่าเอาไปเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลยุคโบราณเด็ดขาด) ถ้าเป็น Common Rail ในส่วนของเสียงและแรงสั่นสะเทือน ทำได้ใกล้เครื่องยนต์เบนซินมากยิ่งขึ้น อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังเปรียบเทียบทั้ง 2 ระบบนี้ในปัจจุบัน เพราะไม่แน่ในอนาคตอันใกล้ สิ่งที่กล่าวมาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้ แต่ความโดดเด่นของทั้ง 2 ระบบ ที่มีให้เหมือนกัน คือ ไอเสียจากการเผาไหม้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ย้อนกลับมาที่เครื่อง "Td5" ขุมพลังใน "Disco" เป็นเครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร อัดอากาศด้วย "เทอร์โบแปรผัน" ของ Garrett แล้วส่งต่อมายัง "อินเตอร์คูลเลอร์" เพื่อลดอุณหภูมิเพิ่มความหนาแน่นของมวลอากาศ ก่อนส่งเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ได้ม้าเมืองผู้ดีออกมา 137.5 ตัว ส่วนแรงบิด 34.65 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 1,950 รอบ/นาที ทั้งหมดจะมาผ่านเกียร์อัตโนมัติ แบบ 4 สปีด ก่อนส่งไปปั่นล้อทั้งสี่ ตัวเลขจากโรงงานเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 17.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 157 กม./ชม. เหลือบไปเล็งน้ำหนักตัวกว่า 2.2 ตัน ของ "Disco" สมรรถนะระดับนี้ก็ต้องนับว่า O.K. เลยล่ะ หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:28:41 PM ระบบรองรับ คานแข็ง แสนรู้
ระบบกันสะเทือนเป็นคานแข็งทั้งหน้าและหลัง เพราะ "Disco" ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับภารกิจโหดๆ บนเส้นทางธรรมชาติด้วยคานแข็ง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นระบบกันสะเทือนที่ทนทาน ไม่ต้องการการดูแล หรือบำรุงรักษาให้วุ่นวายเหมือนระบบกันสะเทือนรูปแบบอื่นๆ แต่จะมีใครซื้อรถราคากว่า 3 ล้าน แล้วเอาไปลุยเพียงอย่างเดียว ความนุ่มนวลบนเส้นทางไฮเวย์จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน คอยล์สปริงเลยแทรกตัวเข้ามาแทนที่แหนบ สำหรับใน "Disco" ตำแหน่งการจัดวางคอยล์สปริงค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากการออกแบบที่ Land Rover พิจารณาแล้วว่าแข็งแรงและทนทานกว่าการจัดวางคอยล์สปริงในรูปแบบอื่น ใช้ชื่อเรียกการจัดวางลักษณะนี้อย่างเป็นทางการว่า Longitudinal Arms จึงไม่แปลกที่รถลุยพันธุ์แท้ของค่ายนี้อย่าง Defender ก็ใช้คอยล์สปริงกับคานแข็งในรูปแบบเดียวกัน สำหรับพระเอกของเรา ใช้ Longitudinal Arms ในล้อหน้า ส่วนล้อหลังเปลี่ยนไปใช้ "แอร์สปริง" หรือ "ถุงลม" เพื่อเพิ่มความสามารถในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ถุงลมยังมาช่วยรักษาระดับรถ ในกรณีที่ด้านท้ายรถต้องบรรทุกของอีกด้วย เหล็กกันโคลงทั้งล้อหน้าและหลัง ไฮเทคกว่ารถยนต์ทั่วไป ควบคุมด้วยระบบ ACE (Active Cornering Enhancement) สามารถปรับค่าความแข็งได้จากชุดไฮดรอลิก เพื่อต้านอาการเอียงของตัวรถ โดยที่เหล็กกันโคลงจะมีชุดไฮดรอลิกยึดอยู่ที่ด้านขวาฝั่งคนขับ ชุดไฮดรอลิกจะไปควบคุมการบิดตัวของเหล็กกันโคลงไม่ให้ทำงานได้อย่างอิสระ ก็เปรียบเสมือนสามารถปรับความแข็งของเหล็กกันโคลงตามสภาพการขับขี่นั่นเอง การสั่งปรับจะประมวลผลมาจากส่วนควบคุม โดยอาศัยสัญญาณจากเซ็นเซอร์ในหลายส่วน อาทิ องศาการหมุนของพวงมาลัย, เซ็นเซอร์ตรวจจับอาการเอียงของตัวรถ เป็นต้น หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:32:47 PM มุ่งหน้าสู่เพชรบูรณ์ เพื่อหาอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
เส้นทางทดสอบ "Disco" ด้วยระยะทางประมาณ 482 กิโลเมตร เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ออกจากสำนักงานใหญ่ Land Rover หัวหมาก เติมน้ำมันเต็มถังที่ปั๊มเชลล์ ถนนพระราม 9 แล้วมุ่งหน้าสู่พิษณุโลก ก่อนวกเข้าสู่เพชรบูรณ์ สิ้นสุดเพื่อเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้งที่ปั๊มบางจาก ใกล้โรงแรมอิมพีเรียลภูแก้ว เพื่อวัดหาอัตราสิ้นเปลือง ซึ่ง "Disco" หมายเลข 3 คันที่เราขับทำตัวเลขออกมาได้ที่ 11.68 กม./ลิตร ในสภาพใช้งานปกติ คือ เปิดแอร์ รับความบันเทิงจากเครื่องเสียงที่ติดมาให้เหมือนการเดินทางปกติ ใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ประมาณ 80-120 กม./ชม. ตามสภาพการจราจร ที่มาของตัวเลขอัตราบริโภคน้ำมันสวยๆ มาจาก "แรงบิดในรอบต่ำ" โดยเฉพาะในระหว่างเดินทาง ที่ความเร็ว 100 และ 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 2,250 และ 2,600 รอบ/นาที ตามลำดับ รอบการทำงานของเครื่องจัดว่าต่ำ เมื่อเทียบกับภาระที่เครื่องยนต์ต้องแบกรับ ทั้งน้ำหนักรถ น้ำหนักผู้โดยสาร พร้อมสัมภาระ สิ่งชวนประทับใจเมื่อเรามองว่ากำลังขับรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คือ ผู้ขับยังสามารถสนุกกับอัตราเร่งได้เช่นเดียวกับเครื่องยนต์เบนซิน เครื่อง "Td5" ให้การตอบสนองที่ดี พาร่างหนักๆ ของ "Disco" เร่งแซงแบบไม่ต้องลุ้น เมื่อต้องชะลอความเร็ว หรือแม้กระทั่งหยุดรถเบรกให้ความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ช่วงยุบของระยะแป้นเบรกน้อยลง ไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกรอไว้ก่อนแบบตัวเก่าเมื่อต้องเบรกแบบกระชั้นชิด ช่วงล่างเก็บการสั่นสะเทือนจากรอยต่อหรือหลุมจากถนนได้ดี ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระเลย "อาการโยนตัว" เนื่องจากความสูงของตัวรถขณะเข้าโค้ง มีน้อยมากจากความช่วยเหลือของระบบ ACE จากการได้สัมผัส Land Rover Discovery ที่ใช้เครื่องยนต์ "V8" และ "Td5" มาแล้วทั้ง 2 รุ่น ความรู้สึกส่วนตัวในเรื่องของอัตราเร่ง การตอบสนองของเครื่องยนต์ในขณะเดินทางแตกต่างกันน้อยมาก เสียงจากการทำงานของเครื่อง "Td5" เมื่อนั่งอยู่ภายในห้องโดยสารเงียบกว่าที่คิดไว้ จะมีให้ได้ยินแล้วพอเดาได้ว่าเป็นเครื่องดีเซลก็ต่อเมื่อเปิดประตูก้าวออกมานอกรถนั่นแหละ ส่วนเรื่องความประหยัดน่าจะทำให้หลายคนที่แอบหลงใหลรูปโฉม "Disco" ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าฉีกกับการซดน้ำมันของเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหญ่ๆ อีกต่อไป หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ พฤษภาคม 29, 2009, 03:34:01 PM Specifications Land Rover Discovery Td5
ขนาดและน้ำหนักตัวรถ กว้าง x ยาว x สูง (มม.) 2,190 x 4,705 x 1,980 ความยาวฐานล้อ หน้า-หลัง (มม.) 2,540 ความกว้างฐานล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,540/1,560 ความสูงใต้ท้อง (มม.) 208 ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 93 น้ำหนักตัวรถ (กก.) 2,280 เครื่องยนต์ แบบ 5 สูบ แถวเรียง ดีเซล เทอร์โบ รหัส Td5 ระบบเพลาราวลิ้น OHC 10 วาล์ว เสื้อสูบ/ฝาสูบ เหล็กหล่อ/อะลูมินัมอัลลอย ปริมาตรกระบอกสูบ (ซี.ซี.) 2,495 ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 84.5 x 89.0 อัตราส่วนกำลังอัด 19.5 : 1 ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง Unit Injector กำลังสูงสุด 137.5 PS @ 4,200 rpm แรงบิดสูงสุด 34.65 kg-m @ 1,950 rpm ระบบส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ถาวรพร้อม Centre Differential Lock เกียร์ อัตโนมัติ 4 สปีด คลัตช์ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พร้อมระบบล็อกอัพ อัตราทดเกียร์ 1 2.480 2 1.480 3 1.000 4 0.728 R 2.086 อัตราทดเฟืองท้าย 3.54 อัตราทดเกียร์ Transfer สูง (4-Hi) 1.22 ต่ำ (4-Lo) 3.32 พวงมาลัย ชนิด ฟันเฟืองตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง รัศมีวงเลี้ยว (เมตร) 5.95 ระบบกันสะเทือน หน้า คานแข็ง Longitudinal Arms เหล็กกันโคลง หลัง คานแข็ง แอร์สปริง เหล็กกันโคลง ระบบเบรก หน้า ดิสก์ พร้อมครีบระบายความร้อน หลัง ดิสก์ อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS, ETC, HDC, EBD, ACE, SLS ล้อและยาง กระทะล้อ (นิ้ว) อัลลอย ขนาด 8.0 J x 18 นิ้ว ยาง 255/55 R18 หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 19, 2011, 10:36:35 PM ราคาตอนออกจากโชว์รูมในปี 2003
TD5 = 3,190,000Baht V8 ES = 3,050,000Baht ราคา ณ. ตอนนี้มือสอง ก็ ล้านสอง สำหรับ TD5 และ แปดแสน - เก้าแสน สำหรับ V8 ES. อันนี้เฉพาะโฉมไมเนอร์เชนจ์ ไฟหยดน้ำแล้วนะครับ ถ้าเป็นตัวก่อนไฟหยดน้ำก็ประมาณ หกแสน +/- ห้าหมื่นครับ แต่ขอบอกว่าเครื่องแรง ตึงดีมาก ช่วงล่างหลังนิ่มแบบฉบับถุงลม ข้างหน้าคานแข็ง บึกบึนทนทาน สรุปน่าใช้ครับ อะไหล่ยังมีอยู่เพียบทั้งมือหนึ่ง และมือสอง รุ่นนี้ได้รางวัล Car of the year 2003 ด้วยนะครับ หัวข้อ: Re: Disco II เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2017, 01:38:18 PM น่าสนใจมากๆdisco2 td5
Powered by SMF 1.1.11 |
SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net
|