Rangeroverhouses.com Forum

Range Rover House => กลุ่มคนรักษ์เร้นจ์ Range Rover Mania => ข้อความที่เริ่มโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 20, 2009, 12:45:25 PM



หัวข้อ: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 20, 2009, 12:45:25 PM
 ;D  ขอลองบ้างนะ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 20, 2009, 12:48:28 PM
ภายในสวยๆ   




ขอลองบ้างนะค่ะ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 20, 2009, 12:48:54 PM
นะค่ะ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ มีนาคม 21, 2009, 12:31:34 AM
กำลังตัดสินใจอยู่แล้วจะรับไปกินลมชมวิวนะค่ะ :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 22, 2009, 10:23:11 AM
เร็วๆนะคะ จะรอ :)


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ มีนาคม 22, 2009, 11:20:01 PM
ไปไม่ทันมีใครไม่รู้เอาไปแล้วเศร้า :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:18:22 AM
คันนี้ใช่ไหม   ;D


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:20:14 AM
ไม่ต้องกลัวอยู่ในกลุ่มของเราเอง   อีกหน่อยก็จะไปเลี้ยงปลาวาฬกันแล้ว   


บันท้ายกับ S500SEL


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:21:24 AM
มาดูเครื่องในของปลาวาฬกัน 

แหมมีไอ้รูฟด้วย


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:22:48 AM
ไมล์ 




จบละ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:41:03 AM
เพิ่มเติม  ในส่วนของ S class ถ้าเป็นตัว full option  ก็จะมีแบบนี้

เริ่มด้วยโทรศัพท์ที่มีการติดตั้งมาให้เรียบร้อยทางด ้านหน้าครับ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:41:48 AM
ส่วนเก๊ะตรงกลางก็มีให้เหมือนกันครับ สำหรับคนนั่งหลังจะได้ไม่ต้องเอื้อมให้เมื่อย


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:42:42 AM
ตามมาด้วย TV ครับ จะมีช่องวางรีโมทให้เรียบร้อย (สมัยก่อนไม่มีจอ LCD ก็เลยดูค่อนข้างเกะกะไปหมด )


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:43:13 AM
ตามมาด้วยเครื่องเล่น VDO ครับ มันถึงจะเพียบพร้อม ส่วนที่เห็นข้างล่างตรงพนักแขนนั้นก็คือตู้เย็นครับ แหมอะไรจะขนาดนั้น ....ช่างสบายจริงๆ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:44:16 AM
แล้วก็พยายามทำให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบิ น สิ่งขาดไม่ได้ก็คือถาดอาหารครับ แต่โทษครับพี่บนเครื่องบินนะพับธรรมดา แต่นี่มัน BENZ นะครับ จะธรรมดาไม่ได้ ต้องพับไฟฟ้าครับท่าน



หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:45:22 AM
ในเมื่อเป็นตัว ฟูลออฟชั่นแล้ว ช่องแอร์จะให้เหมือนรุ่นธรรมดาต๊อกต๋อยเดี๋ยวจะเรียก ราคาไม่ได้ ต้องนี่ครับ แอร์ราว เสริมเพื่อเติมครับ (สังเกตุทางซ้ายมือครับ) ส่วนไฟส่องหลังเป็นธรรมดาครับ



หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:46:33 AM
ที่สำคัญเจ้าของรถระดับนี้แล้วหน้าต้องบางกว่าคนธรรม ดาครับ ก็ต้องเพิ่มม่านข้างมาให้ ไม่ยังงั้นเด๋วผิวจะเสีย


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:47:12 AM
เมื่อยามค่ำคืนก็ต้องเปิดหลังคาด้วยมูนรูฟขนาดใหญ่คร ับ มันถึงจะโรแม๊นส์ครับ


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:48:21 AM
และท้ายสุดครับ เบาะไฟฟ้าหลัง ที่สามารถปรับได้ทั้งเบาะหลัง และเบาะด้านล่างได้ครับ (ซึ่งปกติรุ่นพิเศษอื่นๆจะปรับได้แค่พนักหลังครับ)



หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:49:12 AM
ประวัติปลาวาฬครับ..

ลองดูครับ..


เดือน4ปี คศ.1985 ตัวถังรุ่นSedan(เก๋ง4ประตู)เริ่มพัฒนาขึ้น
เดือน11ปี คศ.1986 เริ่มทดลองเครื่องยนต์V12แบบข้างละ6สูบ
วันที่9เดือน12ปี คศ.1986 Sedan: ตัดสินใจแบบขั้นสุดท้าย
วันที่1เดือน1ปี คศ.1990 Sedan: ทดลองผลิตรถต้นแบบ
ระหว่างวันที่5เดือน6ปี คศ.1990จนถึงวันที่10เดือน6ปีคศ.1990 Sedan: บอร์ดบริหารอนุญาตให้ทดลองวิ่งในประเทศสเปนตอนใต้ วันที่6เดือน6ปี คศ.1990 สมาชิกบอร์ดตกลงใจให้ทุกรุ่นใช้กระจังหน้าแบบ600SE/L
เดือน7ปี คศ.1990 ทดลองผลิตรถต้นแบบรุ่น500SE/L
เดือน8ปี คศ.1990 ทดลองผลิตรถต้นแบบรุ่น400SE/Lและ600SEL
เดือน9ปี คศ.1990 ทดลองผลิตรถต้นแบบรุ่น300SD
เดือน10ปี คศ.1990 ทดลองผลิตรถต้นแบบรุ่น600SE
เดือน1ปี คศ.1991 ทดลองผลิตรถต้นแบบรุ่น300SE/L
ระหว่างวันที่7เดือน3ปี คศ.1991จนถึงวันที่17เดือน3ปีคศ.1991 แสดงรถที่เจนีวาสำหรับ เครื่องยนต์6สูบของ300SE/L เครื่องยนต์8สูบของ400SE/L และ500SE/L 12สูบสำหรับ600SE/L

เดือน4ปี คศ.1991 รถยนต์รุ่น 300SE/L 400SE/L 500SE/L และ 600SE/L ได้ผลิตออกมาขาย
เดือน9ปี คศ.1991 มีการเปลี่ยนชุดเฟืองพับกระจกมองข้างเนื่องจากปัญหาก ารสั่น
เดือน10ปี คศ.1991 ผลิตรถรุ่น300SD สำหรับตลาดอเมริกา
เดือน1ปี คศ.1992 รถคูเป2ประตูหรือSECได้เริ่มอวดโฉมในงานDetroit Motor Showที่อเมริการะหว่างวันที่ 9ถึง19มกราคม 1992
มีการเปลี่ยนยางขอบประตูเพื่อลดเสียงลม
รถรุ่น300SE/Lซึ่งใช้ล้อแบบอลูมิเนียมได้ถูกแก้ไขระบบเบรคให้ดีขึ ้น

เดือน2ปี คศ.1992 มีการผลิตรถกันกระสุนสำหรับS Class 4ประตูช่วงยาว โดยใช้เครื่องยนต์5.0ลิตร V8และ 6.0ลิตร V12 พร้อมทั้งยางหน้ากว้างกว่าปกติบนล้อพิเศษรวมถึงมีการ เปลี่ยนโครงสร้างที่รับน้ำหนักได้มากขึ้นสำหรับกระจก กันกระสุนด้านหน้าและด้านหลัง ความกว้างภายในลดลง80มม. แผงหน้าปัด แผงประตู หลังคา เสาA/B/Cก็ถูกแก้ไขเช่นกัน
เริ่มการผลิตรุ่น500SEC
แก้ไขสวิทช์ระบบAirbag
เปลี่ยนสวิทช์ระบบASRสำหรับรถ8000คันแรกที่ผลิตขึ้นร ะหว่างเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเมษายน 1992
เดือน3ปี คศ.1992 รถรุ่น500และ600SEC ได้ถูกอวดโฉมในยุโรปในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ระหว่างวั นที่ 5ถึง15กุมภาพันธ์ 1992
รถทดลองเชื้อเพลิงผสมซึ่งใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิงได ้ถึง85%ในรุ่น300SEก็ได้มีการทดสอบ
กระจกมองหลังด้านคนขับได้ถูกเจาะรูระบายน้ำเพิ่มเติม ในเดือน9ปี คศ.1991เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขังซึ่งจะเกิดสนิมได้
จานเบรคได้ถูกปรับปรุงวัสดุให้ดีขึ้น
มีการปรับปรุงระบบล็อคของกระจกส่องหน้าดันหลังเพื่อม ิให้เปิดออกได้เอง
เริ่มทดลองผลิต600SECรุ่นแรก

เดือน4ปี คศ.1992 สวิทช์ระบบASRที่ถูกแก้ไขเป็นอย่างดีก็ได้ใช้งานตั้ง แต่วันที่12เมษายน 1992
การเปลี่ยนแผ่นรองหลังเบรคช่วยให้ลดเสียงเบรคระหว่าง ถอยหลังลง
เดือน6ปี คศ.1992 ระบบตัดแสงกระจกมองหลังแบบอัตโนมัติได้ถูกติดตั้ง
มีการเปลี่ยนวัสดุผ้าเบรคให้ดีขึ้น
เดือน7ปี คศ.1992 มีการเพิ่มความยาวเสาถอย2ซม.รวมทั้งสิ้นเป็น8.5ซม.เพ ื่อให้กะระยได้ดียิ่งขึ้น
เดือน8ปี คศ.1992 มีการเปลี่ยนวัสดุพลาสติกสำหรับกลอนประตูเพื่อลดเสีย งและลื่นขึ้น
เดือน9ปี คศ.1992 เริ่มผลิตรถรุ่น300SE 2.8ลิตร
เดือน10ปี คศ.1992 ในงานParis Autosalonระหว่างวันที่8ถึง18ตุลาคม รถรุ่น300SE 2.8และ 300SD ได้ถูกแนะนำเพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถซื้อรถS Classได้ในราคาที่ถูกลง โดยที่รุ่น300SDได้มีการส่งออกไปขายในประเทศสหรัฐอเม ริกาก่อนหน้านั้นแล้ว รถ300SD เครื่องยนต์แบบดีเซล 3.5ลิตร 6สูบ พร้อมระบบเทอร์โบ ที่มีกำลัง110KW(150HP) ได้ถูกเสนอพร้อมกันกับ300SE 2.8ลิตร เครื่อง6สูบรหัสM104แถวเรียง24วาล์วพร้อมทั้งระบบหัว ฉีดแบบMicro Processorซึ่งใช้Air MassแบบHot FilmเหมือนกับW124 ส่วนรุ่น8สูบและ12สูบก็ได้ถูกปรับปรุงให้ลดแรงม้าลงเ พื่อลดไอเสียให้น้อยกว่าเดิม เช่นเดียวกับรุ่น500SECและ600SEC

ปี1993 ได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นในด้านระ บบนำทาง ระบบCommandซึ่งมีการใช้ต่อมาในรุ่นW220ประกอบไปด้วย ระบบนำทาง คอมพิวเตอร์ช่วยคำนวณระยะทาง วิทยุ ทีวี ช่องต่อแหล่งสัญญาณภายนอกด้วยใยแก้วนำแสง อุปกรณ์CD สมุดนัดแบบอีเล็คทรอนิคส์ และโทรศัพท์ติดรถ พร้อมทั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เสาอากาศแบบซ่อนในกันชนหลังและกระจกบังลมหลัง
ยกเลิกการติดตัวหนังสือ6ooSE/L แบบติดกาวที่ลายไม้ตรงเก๊ะหน้า (ไม่ทราบระยะเวลาที่ชัดเจนแต่ประมาณเดือนมิถุนายน199 3)
เดือน1ปี คศ.1993 เริ่มผลิตและจำหน่ายรถรุ่น300SE 2.8
ได้มีการเปลี่ยนขนาดยางสำหรับรถรุ่น 300SE/Lและ300SD จากเดิมขนาด225/60R16เป็น235/60R16แทน
เดือน6ปี คศ.1993 ได้มีการเปลี่ยนตัวอักษรบอกรุ่นอยู่ด้านหน้าตัวเลข3ต ัวเหมือนกับตัวถังรถรุ่นอื่นๆ และตัวอักษรเพิ่มเติมด้านหลังเช่น C E DหรือLก็ถูกยกเลิกไป ตัวอย่างเช่นS500ถูกเรียกแทน500SE ส่วนS600 longถูกเรียกแทน600SEL หรือ500SECONDS S ถูกเรียกเป็น S500 Coupe นับตั้งแต่นั้นมารายละเอียดที่แสดงตรงฝากระโปรงรถจะม ีเพียงแค่รหัสรุ่นและความจุเครื่องยนต์เท่านั้นโดยไม ่ระบุความแตกต่างเช่นคูเปหรือช่วงยาวอีกต่อไป ที่ชัดเจนที่สุดจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์6สูบเช่น4.2ลิต ร และ3.2ลิตรที่เคยระบุตัวเลขแบบใกล้เคียงความจุจริงขอ งเครื่องยนต์ว่า300SEก็ถูกระบุเป็นS320 หรือ 300SDก็ถูกระบุให้ตรงกับความจุเป็นS350 Turbo-Diesel รถคันสุดท้ายที่ถูกระบุรหัสแบบเดิมในสายการผลิตเป็นร ถรุ่น600SECสีบรอนซ์เงินพร้อมหนังแท้สีแดง
เครื่องยนต์บล็อคใหม่ของS320ได้ถูกพัฒนาใหม่ขึ้นเมื่ อเปรียบเทียบกับรุ่น300SE/Lที่ถูกผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม1992

เหมือนกับตัวถังรุ่นW124ซึ่งใช้ระบบจุดระเบิดแบบใหม่ และหัวฉีดแบบHot Air Mass Measurement(HFM) จากผลดังกล่าวทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดที่สูงกว่าเคร ื่องยนต์เดิมและแรงบิดสูงสุดเกิดที่รอบเครื่องต่ำลง รวมทั้งลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยลงกว่าเดิมประม าณ8.5%
ระบบเฟืองท้ายใหม่แบบAutomatic Slip Differential ASD(หรือที่เรียกว่าระบบETS)ได้ถูกบรรจุในรถรุ่น6สูบ ทั้งหมด ส่วนรุ่น8สูบได้ถูกบรรจุระบบASR
ได้มีการเพิ่มความกว้างฐานล้อจากเดิมอีก3มม. รวมถึงลดความสูงลงอีก6มม.สำหรับรุ่นเครื่อง6สูบและลด ความสูงลง9มม.สำหรับรุ่น8สูบตามลำดับเพื่อให้รถดูเพร ียวขึ้นเล็กน้อย
ได้มีการขยายช่วงระยะทางการServiceเพิ่มจากเดิมที่1ห มื่น กม.เป็น1หมื่น5พัน กม.
วันที่1เดือน9 คศ.1993 ได้เปลี่ยนวิทยุเป็นรุ่นใหม่
วิทยุBeckerรุ่น Europe2000 Grandprix2000RDSและMexico2000RDS ได้ถูกแทนที่ด้วยรุ่นClassic Special และExiquistตามลำดับ ซึ่งวิทยุรุ่นหลังนี้เป็นวิทยุOEMที่ผลิตโดยBeckerให ้กับMercedes Benzโดยเฉพาะ
เดือน10 คศ.1993 ได้มีการเปลี่ยนวัสดุลิ้นจับฝากระโปรงหลังจากโครเมีย มเป็นพลาสติกสีดำ (ไม่ทราบระยะเวลาที่แน่ชัด ประมาณตั้งแต่เดือน3ปี1994)
เดือน11 คศ.1993 ได้มีการเปลี่ยนระบบความเร็วหน้าปัดเป็นแบบElectroni csตั้งแต่0กม./ชม. และตัวเลขแสดงระยะทางจากกลไกเป็นแบบLCD ระบบเบรคมือเริ่มมีเสียงเตือนในกรณีที่ไม่ปลดล็อคตอน ออกตัว
เดือน12 คศ.1993 ระบบกันขโมยแบบป้องกันการสตาร์ทหรือกุญแจแบบImmobili zerได้ถูกนำมาใช้กับรถทุกรุ่น
เดือน2 คศ.1994 เริ่มผลิตรถรุ่นS420 คูเป
เดือน3 คศ.1994 ระหว่างงานแสดงรถยนต์ที่เจนีวาในวันที่10ถึง20มีนาคม 1994 ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมสำหรับรุ่น4ประตูให้ดูเพรียวล มขึ้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดตัวถัง ตั้งแต่ขยายชายกันชนให้ต่ำลงกว่าเดิมและเพิ่มเส้นร่อ งที่กาบและกันชน มีการเปลี่ยนโคมไฟหน้าและกระจังหน้ารถ การเปลี่ยนโคมไฟหน้าเป็นแบบตาเพชรมีผลทำให้ไฟหน้าสว่ างขึ้นกว่าเดิมถึง60% ไฟต่ำรวมอยู่ในชุดโคมเดียวกับไฟสูง การเคลือบจานฉายแบบอลูมิเนียมแทนแบบเดิมทำให้ไฟหน้าร ถดูสว่างและชัดเจนมากเช่นเดียวกับไฟเลี้ยวมุมแบบใส ในรุ่นเครื่องยนต์แบบ6และ8สูบมีการนำกระจังหน้าแบบแบ ่งซี่ร่องกลางใหม่มาใช้ ส่วนรุ่น12สูบ

มีการเสริมด้วยโครเมียมให้ดูหรูหราขึ้น เช่นเดียวกันกับฝากระโปรงท้ายที่ปรับเปลี่ยนขอบให้ต่ ำลง มีการปรับขอบท้ายให้มนกว่าเดิมสำหรับรุ่นคูเป มีการปรับไฟท้ายให้กว้างขึ้นและนำไฟท้ายสีเหลือง/แดงแบบใหม่มาใช้งาน สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ท้ายรถดูแบนราบและเพรียวลมกว่ าเดิม
นำล้อแบบ15ช่องมาใช้ในรถรุ่นS420และS500 ส่วนรุ่นS600เป็นแบบล้อปัดเงา8ช่อง
มีการนำสีภายในแบบทูโทนรวมถึงการใช้หัวเกียร์แบบไม้ส ลับหนังซึ่งเรียกว่า V12 Differential มาใช้ในรุ่นS600เพียงรุ่นเดียวเท่านั้นเนื่องด้วยลูก ค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้ต้องการให้แสดงความแตกต่างที่พิเ ศษกว่ารถรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ดีลูกค้าที่พิสมัยความแตกต่างก็สามารถสั่งก ารตกแต่งภายในแบบLeather Exclusiveซึ่งเป็นสีทูโทนสำหรับรถรุ่นอื่นๆได้เช่นกั น
มีการนำวิทยุรุ่นExiquistซึ่งมีOutputแบบ8ช่องมาใช้ก ับรุ่นS600ซึ่งราคาแพงที่สุด เช่นกันกับนำสายอากาศแบบFMซ่อนไว้ที่กันชนหลัง ส่วนAMและMWซ่อนไว้ที่กระจกบังลมหลัง มีการหุ้มกำมะหยี่ที่ฝาครอบลำโพงของรถรุ่นSEC
มีการปรับปรุงแผงข้างประตู มือจับแผงข้างได้ถูกขยายให้กว้างขึ้นกว่าเดิม32มม.รว มทั้งได้ถูกลบขอบให้มนกว่าเดิมด้วย ที่เก็บของตรงมือจับแผงข้างได้ถูกยกเลิกแต่ได้เพิ่มข นาดช่องเก็บของใต้มือจับให้ใหญ่กว่าเดิมเป็นการทดแทน ช่องระบายลมตรงประตูได้ถูกยกเลิก

ในรุ่นSECมีการนำเสนอรุ่นS420ในราคาที่ย่อมเยาลงเหมื อนกับรุ่น4ประตูด้วยเครื่องยนต์V8 4.2ลิตร อย่างไรก็ดีในรุ่นคูเปมิได้ปรับโฉมเป็นFacelift
ล้อแบบพิเศษขนาด18นิ้วโดยล้ออะไหล่แบบเหล็กยังคงใช้ข นาด16นิ้วได้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม1994 อย่างไรก็ดีล้อแบบ8และ15ช่องรุ่นมาตรฐานยังคงใช้งานอ ยู่ ในรุ่นS600SECมีการใช้ภายในแบบV12 Differential และLeather Exclusiveก็เป็นภายในที่สั่งตกแต่งได้เช่นกัน
อีกทั้งมีการเพิ่มฟังก์ชั่นเลื่อนพับเบาะหมอนศีรษะเล ื่อนต่ำลงเพื่อให้ผู้โดยสารเข้า ออก ได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มีการเปลี่ยนแปลงด้านท้ายและซี่กระจังหน้าจากรุ่นที่ 1เป็นแบบV12 Grillและเปลี่ยนไฟท้ายและไฟมุมเป็นสีขาว

เดือน6 คศ.1994 มีการติดตั้งระบบป้องกันการโจรกรรมแบบIRและป้องกันกา รยกรถโดยจับมุมเอียงตัวรถ
เดือน10 คศ.1994 มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบครอบไฟเลี้ยวกระจกมองข้างให้เ ป็นแบบร่องเหมือนกับที่ได้เปลี่ยนแปลงกาบข้างและกันช นก่อนหน้านี้แล้ว
เดือน4 คศ.1995 มีการติดตั้งระบบช่วยจอดPTS(Parktronic)ซึ่งจะมีเซ็น เซอร์แบบUltrasonicฝังไว้ที่กันชนด้านหน้าและหลังคอย ส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีสิ่งใดเข้าใกล้ตัวรถ ระบบดังกล่าวได้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถรุ่นS 600 V12 นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี1995 และได้ยกเลิกการใช้เสาถอยสำหรับรถS Class แบบ4ประตูทุกรุ่นนับแต่นั้นเป็นต้นมา


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:50:22 AM
เดือน5 คศ.1995 มีการพัฒนาระบบใหม่ๆ2อย่างสำหรับรถรุ่นS600คูเป สิ่งแรกคือการนำเกียร์อัตโนมัติ5สปีดพร้อมระบบล็อคอั พคอนเวอร์เทอร์แบบBypass Clutchรุ่นใหม่ที่ควบคุมด้วยECUเพื่อลดการสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงน้อยลงกว่าเดิม เกียร์ระบบใหม่ดังกล่าวที่เราเรียกกันว่าเกียร์จุด6ห รือรหัส722.6สามารถลดชิ้นส่วนการผลิตลงไปได้มากถึง40 %D
อีกระบบที่มีการพัฒนาขึ้นคือมีการนำระบบESP(Electron ic Stability Program)มาใช้กับS600 คูเป เป็นครั้งแรก ระบบดังกล่าวจะวัดมุมการเลี้ยวและช่สยเบรคเพื่อให้รถ ทรงตัวอยู่ได้โดยไม่เสียหลัก
ระบบแอร์ได้มีการเปลี่ยนเป็นแบบแอร์จอ รีโมทได้เปลี่ยนเป็นแบบรีโมทยิงบนกระจกส่องหลังพร้อม ระบบกันขโมย เช่นเดียวกับCruise ControlหรือTempomatได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับSทุก รุ่น ในรุ่นS280 S320 S350turbo-diesel มีการติดตั้งระบบกันล้อลื่นไถลแบบETS ส่วนรุ่นS420-600ใช้ระบบASRเป็นมาตรฐาน

เดือน6 คศ.1995 มีการใช้ระบบAutopilot Stsytem(APS)ขึ้น ระบบดังกล่าวจะติดตั้งกับวิทยุแบบMT Specialซึ่งไม่มีCassetteเทป เครื่องเสียงจะมีระบบCD ChangerและระบบเสียงโดยBOSE CD Changerถูกติดตั้งไว้ที่ท้ายรถ ส่วนเสาอากาศติดตั้งที่ฝากระโปรงท้ายและระบบรับสัญญา ณฝังไว้มีหลังคารถ
ลิ้นฝากระโปรงหลังได้เปลี่ยนกลับมาเป็นแบบโครเมียมอี กครั้ง
เริ่มผลิตรถรุ่น S300 Turbo Diesel
เดือน9 คศ.1995 นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี1994เป็นต้นมาซึงมีการปรับปร ุงอย่างต่อเนื่องจึงได้มีการนำระบบเกียร์5สปีดแบบจุด 6มาใช้สำหรับรถเก๋ง4ประตูแบบเครื่องยนต์8และ12สูบตั้ งแต่เดือนกันยายนปี1995ภายหลังจากที่ได้มีการนำมาใช้ กับรถแบบS600คูเปก่อนหน้านั้นในเดือนพฤษภาคมปี1995 เช่นเดียวกันกับรถคูเปเครื่อง8สูบก็มีการเปลี่ยนจากร ะบบเดิมที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ4สปีดแบบไฮโดรลิคธรรมดา มาเป็นแบบใหม่เช่นกัน
เครื่องยนต์แบบV8ทั้ง2รุ่นก็ได้ถูกพัฒนาให้ประหยัดน้ ำมันและลดมลพิษน้อยลงโดยการเปลี่ยนแปลงข้อเหวี่ยง องศาเปิด ปิดวาล์ว ลูกสูบที่นำหนักเบากว่าเดิม ระบบจุดระเบิดแบบDirect Ignitionที่มีคอยล์จุดระเบิด1ตัวต่อ1สูบ ระบบควบคุมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดแบบMotronic ME1.0ซึ่งใช้ระบบHot Film Air Mass ด้วยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวซึ่งไม่ได้ลดทอนกำลังเครื ่องยนต์ส่งผลให้ลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับทั้ง เครื่อง8และ12สูบได้ถึง7%และลดปริมาณการปล่อยไอเสียไ ปได้ถึง40% และตั้งแต่เดือนกันยายนปี1995ก็มีการนำระบบESPช่วยกา รทรงตัว(Electronic Stability Program)เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นเครื่องยนต์12ส ูบ ส่วนรุ่นเตรื่องยนต์8สูบก็สามารถสั่งติดตั้งระบบESPไ ด้เช่นกัน

มีการนำเสนอรถรุ่นพิเศษในงานIAAที่Frankfurtในเดือนก ันยายนปี1995 คือรุ่นS600 Pullmanซึ่งตัวถังยาวเป็นพิเศษพร้อมระบบกันกระสุน ความยาวที่ยาวถึง6213มม.ทำให้รถคันนี้ยาวกว่าS600ช่ว งยาวถึง1เมตรเลยทีเดียว ความยาวขนาดนี้ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีความสะดวกสบา ยมากและมีกระจกกั้นกลางแยกส่วนระหว่างด้านหน้าและหลั งด้วย รถรุ่นPullmanในตัวถังแบบW140มีทั้งรุ่นS500 และS600 ซึ่งมีระบบกันกระสุนให้เลือกเพิ่มเติมได้
เนื่องด้วยน้ำหนักที่มากกว่าปกติทำให้ระบุการเปลี่ยน ยางให้เร็วขึ้นที่ไม่เกิน1หมื่น กม.หรือเมื่อดอกยางเหลือ3มม.
สำหรับรถรุ่นS420ก็สามารถสั่งกระจกโพลีคาร์บอเนตและเ สริมแผ่นเหล็กกันกระสุนได้เช่นกัน
ระบบควบคุมแอร์ได้เปลี่ยนเป็นแบบแอร์จอเหมือนกับรุ่น W210ตากลมซึ่งมีเซ็นเซอร์วัดแสงแดดติดตั้งไว้ตำแหน่ง กลางคอนโซลใกล้เคียงกระจกบังลมหน้า เซ็นเซอรืดังกล่าวจะช่วยเร่งหรี่พัดลมแอร์ให้เหมาะสม กับปริมาณความเข้มแสงที่ส่องเข้ามาในตัวรถด้วย
มีการเริ่มผลิตS600 Pullmanแบบกันกระสุน

เดือน6 คศ.1996 มีการพัฒนาเกิดขึ้นอีกครั้งสำหรับS Classรุ่น6สูบ โดยมีการนำระบบเกียร์อัตโนมัติ5สปีดแบบจุด6มาใช้กับร ถS280และมีการนำระบบASRซึ่งใช้กับรุ่น8สูบก่อนหน้านั ้นมาติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับรถรุ่น6สูบด้วยเช่น กัน นวัตกรรมต่อมาก็คือการติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างขนา ด15ลิตรสำหรับผู้โดยสารและผู้ขับขี่ด้านหน้า Cruise Controlที่ควบคุมได้ที่30กม./ชม.(ยกเว้นรุ่นดีเซล) เซ็นเซอร์วัดน้ำหนักผู้โดยสารหน้าสำหรับAirbag เซ็นเซอร์ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ รีโมทแบบใช้คลื่นวิทยุที่ผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าแบ บอินฟราเรด ไฟเลี้ยวกระพริบเตือนเมื่อเปิดหรือปิดระบบล็อคประตู ตะแกรงใส่ของใกล้ที่วางเท้าผู้โดยสารหน้าและขอบกระโป รงท้าย ไฟเบรคดวงที่สาม ยกเลิกลายไม้แบบซีบราโนโดยใช้แบบคาลิปตัสลิเนียร์แทน และแบบเบิร์ดอายเมเปิ้ลเป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษ ชิ้นส่วนภายในที่หุ้มอลูมิเนียมฟอยล์ก็เปลี่ยนเป็นหุ ้มหนังแทนและช่องลมแอร์ก็มีการเปลี่ยนสีใหม่
มีการเปลี่ยนวัสดุหนังใหม่สำหรับS600สีทูโทนโดยใช้หน ังNappaแบบใหม่ซึ่งนุ่มกว่าแบบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1994
S600มีการบรรจุไฟหน้าแบบXenonพร้อมระบบปัดน้ำฝนไฟหน้ าและล้อแบบ6ช่องลายใหม่เช่นเดียวกับล้อที่ใหญ่ขึ้นสำ หรับรุ่นคูเปพร้อมทั้งระบบเบาะนั่งแบบไดนามิคปรับปีก เบาะก็เป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษได้
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี1996มีการเปลี่ยนสีไฟท้ายและไ ฟทับทิมเป็นสีขาว/แดงสำหรับรถ4ประตูให้ดูสว่างขึ้นกว่าเดิม มีการย้ายเสาอากาศโทรศัพท์จากกันชนท้ายไปที่หลังคาด้ านหลัง
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี1996มีการเปลี่ยนรุ่นจากS350 Turbodieselเป็นS300 Turbodiesel ซึ่งใช้เทคโนโลยี4วาล์วต่อสูบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ แรงม้าเพิ่มจากเดิมอีก27แรงม้ารวมเป็น177แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น20นิวตัน-เมตรแต่มลพิษจากไอเสี ยลดลงจากรุ่นS350 Turbodieselอย่างมาก ในรุ่นS300 Turbodieselมีการนำเกียร์อัตโนมัติ5จังหวะแบบECUมาใช ้ด้วย
มีการเปลี่ยนการเรียกชื่อรถแบบคูเปให้เป็น “CL”ซึ่งหมายถึงรถคูเปขนาดใหญ่ที่สุดในตระกรูล โดยตัวอักษรCLจะนำหน้าตัวเลข มีการเปลี่ยนแบบแผงข้าง กันชนและติดตั้งระบบช่วยจอดแบบPTSแทนเสาถอย ไฟท้ายสีเทา/แดง กระจกมองหลังแบบปรับมุมต่ำลงเมื่อเข้าเกียร์ถอยซึ่งม ีการติดตั้งในรุ่น4ประตูเช่นกัน ตะแกรงใส่ของ เย็บหนังลายใหม่ สีช่องลมแอร์ใหม่ ไฟซีนอน เซ็นเซอร์วัดน้ำฝน
Cruise Controlที่ควบคุมได้ที่30กม./ชม ฝากระโปรงท้ายแบบเปิดอัตโนมัติ เซ็นเซอร์วัดน้ำหนักผู้โดยสารหน้าสำหรับAirbag หนังแบบNappaก็สามารถสั่งได้สำหรับรุ่นคูเป ไฟเบรคดวงที่สามแบบLEDก็นำมาใช้กับคูเปเพื่อให้รถคัน หลังสามารถเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม


นำเสนอรถรุ่นS300 Turbodieselตั้งแต่ วันที่3เดือน6ปี1996


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ มีนาคม 23, 2009, 10:51:01 AM
เดือน7ปี1996 เริ่มผลิตรถรุ่นS600 Pullman
เดือน8ปี1996 เลิกการผลิตรถS350 Turbodiesel
ฤดูใบไม้ร่วงปี1996 มีการนำนวัตกรรมใหม่คือระบบสื่อสารแบบLinguatronicโด ยการสั่งการระบบโทรศัพท์ด้วยเสียงทำให้ลดโดอกาสเกิดอ ุบัติเหตุขณะขับขี่ได้มากโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย และสายตาจากท้องถนน(ไม่ทราบถึงวัน เวลาทีแน่ชัด)

25เดือน11ปี1996 Mercedesแนะนำระบบช่วยเบรคหรือBrake Assist ระบบBASนี้จะช่วยเสริมแรงเบรคสูงสุดในเวลาอันสั้นเมื ่อมีการเบรคแบบกระทันหันซึ่งทำให้ระยะเบรคสั้นลงอย่า งมาก
เดือน12ปี1996 นับตั้งแต่เดือนธันวามคมปี1996เป็นต้นมา สามารถสั่งระบบESPพร้อมทั้งเกียร์อัตโนมัติ5สปีดแบบE CUสำหระบS280และS320ได้ ระบบBrake Assistก็เป็นมาตรฐานสำหรับตัวถังR129และ140
มีการเปลี่ยนแปลงระบบAuto pilot system(APS)โดยย้ายCDจากฝากระโปรงท้ายไปที่ระบบCompu terซึ่งทำให้การโหลดทำได้ง่ายขึ้น


เดือน3ปี1997 รถรุ่น4ประตูที่มีถึง50รุ่นย่อยได้ขยายไปถึง67รุ่น ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์เดือน3ปี1997ได้มีการแนะนำS500รุ่นตัวถัง สั้นด้วยสีแบบพิเศษแบบโทนสีดำ/แดงที่หรูหรา สีเป็นแบบขัดเงา ท่ออากาศแบบอลูมิเนียมขัดเงาพร้อมด้วยกรองกลิ่นที่ฝา กระโปรงหน้า ล้อ18นิ้วแบบ5ช่อง ซี่กระจังหน้าแบบS600
เช่นกันกับการตกแต่งภายในที่หรูหราขึ้น ชายบันไดแบบสแตนเลสขัดเงา หนังแท้แบบNappaสี ดำ/ดำ เข้ม แดง หน้าปัดแบบมีขอบพร้อมด้วยเข็มวัดสีขาว คอนโซลกลางหุ้มด้วยลายไม้วอลนัทพร้อมช่องใส่โทรศัพท์ ภายในช่องกรุกำมะหยี่ตัดขอบพร้อมด้วยแท่นโทรศัพท์
รถรุ่นพิเศษดังกล่าวยังติดตั้งอุปกรณ์ดังนี้ กรองกลิ่นแบบคาร์บอน ระบบAPS ท้าวแขนด้านหลังพร้อมช่องเก็บของ ที่เขี่ยบุหรี่แบบจุดซิการ์ โทรศัพท์ติดรถยนต์ สวิทช์CD ระบบกันขโมยแบบเตือนภัย ระบบESP พนักพิงเบาะหลังพร้อมหมอนพิงศีรษะด้านหลังแบบปรับไฟฟ ้า กระจกส่องหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พวงมาลัยหุ้มไม้สลับหนังแท้พร้อมปรับด้วยไฟฟ้า เบาะหน้าแบบนวดหลายระดับแบบMulticontour ระบบช่วยจอดแบบParktronic ม่านบังแดดหลังแบบปรับไฟฟ้า ซันรูฟแก้ว ระบบล็อคแบบเซอร์โว เบาะหน้าและหลังแบบอุ่นด้วยไฟฟ้า ระบบเสียงโดยBOSE ระบบสั่งการด้วยเสียงแบบLinguatronic เบาะนั่งหน้าแบบมีความจำ คันเกียร์หุ้มไม้สลับหนังแท้ โคมไฟหน้แบบซีนอน
ราคารถดังกล่าวอยู่ที่ 189,750 DM รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาดังกล่าวใช้เมื่อปลายเดือนเมษายนปี1997สำหรับบาง หน่วยงานที่ถูกคัดสรรเท่านั้น
รถรุ่นพิเศษดังกล่าวถูกเสนอขายในช่วงสั้นๆเพื่อเป็นก ารแนะนำตัวก่อนปล่อย140รุ่นต่อมาเพื่อเป็นการแสดงให้ เห็นถึงเทคโนโลยีใหม่ที่เบ็นซ์พัฒนาขึ้นเท่านั้น
รถรุ่นS500 Landaulet ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสำนักวาติกันเมื่อเดื อนมีนาคมปี1997 รถอีกคันหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้นและส่งมอบให้กับพระสันต ปาปา จอห์นปอลที่สอง หลังคาLandauletถูกควบคุมด้วยระบบElectro Hydraulicเพื่อให้ประชาชนสามารถมองเห็นพระองค์ขณะประ ทับเก้าอี้ได้อย่างชัดเจนพร้อมทั้งมีที่นั่งแบบพับได ้จำนวน2ที่นั่งสำหรับผู้ติดตาม

1เดือน4ปี1997 ระบบสื่อสารและนำทางแบบCNSสำหรับตลาดญี่ปุ่นได้ถูกปร ับปรุงให้กับรถCL500 CL600 S500 และS600 และถูกเรียกว่าระบบICS (เท่าที่ทราบก็คือว่ามีการเปลี่ยนอุปกรณ์เท่านั้นโดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งาน)
เดือน6ปี1997 มีการนำระบบActive Service Systemหรือระบบเตือนรถเข้าซ่อมบำรุงแบบASSYSTมาใช้งา นซึ่งแตกต่างจากระบบเก่าที่กำหนดระยะทางก่อนเข้ารับบ ริการแบบตายตัว ระบบใหม่จะคำนวณระยะทางที่เหมาะสมตามสภาพการใช้งานเช ่นการไม่สตาร์ทรถเมื่ออากาศเย็นหรือการไม่เร่งรอบเคร ื่องยนต์สูงๆ เป็นต้น ระบบดังกล่าวสามาถยืดระยะทางก่อนเข้าบริการได้ถึง3หม ื่น กม. ระบบจะมีไฟเตือนให้เข้ารับการบริการที่หน้าปัด
มีการแนะนำระบบTelematic alarm identification on demand หรือเรียกว่าระบบTeleaid ระบบดังกล่าวจะต่อเชื่อมกับระบบGPS โทรศัพท์และเซ็นเซอร์วัดการชน เมื่อมีการชนเกิดขึ้นจนถุงลมนิรภัยทำงาน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลและตำ รวจทราบเพื่อที่จะช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วต่อไป รถรุ่นที่ผลิตระหว่างเดือน6และ7ปี1997จะมีเสาอากาศร่ วมกับเสาอากาศของโทรศัพท์แต่หลังจากนั้นทางหน่วยงานร าชการได้บังคับให้แยกเสา2ระบบออกจากกันโดยเสาGPSฝังใ นกันชนท้ายและเสาโทรศัพท์ติดตั้งที่หลังคา

ปี1998 รถรุ่นคูเปได้บรรจุลายไม้ใหม่แบบKastanienแทนลายไม้แ บบวอลนัท อย่างไรก็ดีลายไม้วอลนัทก็ยังคงสั่งได้อยู่
มีการติดตั้งระบบCruise ControlแบบSpeedtronicซึ่งสมารถล็อคไม่ให้ความเร็วเก ิน30กม./ชม.ได้เพื่อป้องกันการหมุนในหิมะ

พวงมาลัยลายไม้หุ้มหนังแบบใหม่ได้นำมาใช้แทนแบบเดิมด ังรูป (Codeดังกล่าวคือ808ซึ่งใช้กับรถคั้งแต่กลางปี1997)
1เดือน8ปี1997 มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับรถS320เช่นกันกับหัวข้อใน1เดื อน4ปี1997
เดือน9ปี1997 เริ่มผลิตรถรุ่นS500 Pullman
26เดือน11ปี1997 รถรุ่นW140ถูกผลิตครบ4แสนคัน คันดังกล่าวคือS600Lสีดำสำหรับตลาดจีน
เดือน1ปี1998 ระบบAPSได้ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็นรุ่นที่3ด้วยปุ ่มหมุนแบบโรตารี่2ปุ่ม จอแสดงผลที่ใหญ่กว่าเดิม ช่องอ่านแผ่น วิทยุแบบสื่อสารสองทาง ปุ่มVolumeสั่งการด้วยเสียงได้แยกอิสระจากปุ่มควบคุม วิทยุ เสาอากาศที่ใช้ร่วมกันทั้งระบบGPSและโทรศัพท์ได้ถูกต ิดตั้งในรถที่ผลิตระหว่างเดือน6ถึง7ปี97เท่านั้น เทคโนโลยีของอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถแนะนำเส้นทางแบบ Dynamic Global Guidanceโดยทำงานร่วมกับระบบวิทยุสื่อสารแบบ Traffic Center Serviceหรือระบบข้อมูลจราจรแบบTraffic Message Channel ก็ได้ ระบบดังกล่าวจะคำนึงถึงสภาพการจราจรสำหรับการเดินทาง ที่เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ดีในช่วงเวลานั้นยังมิได้มีการให้บริการดัง กล่าว
อุปกรณ์ติดรถจะประกอบไปด้วยไจโรเซ็นเซอร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการสอบเทียบ ระบบข้อมูลอีเล็คทรอนิคส์ก็ไม่จำเป็นต้องมี ระบบจะเชื่อมต่อกับข้อมูลเครือข่ายผ่านทางCAN BUSซึ่งทำให้การสอบเทียบข้อมูลการเดินทางไม่มีความจำ เป็นอีกต่อไป
ในขณะที่ระบบนำทางแบบเดิมจะคอยแนะนำถนนสายหลักที่เหม าะสมให้ ระบบใหม่จะเสนอทางเลือกเพิ่มเติมเช่น เส้นทางที่สั้นที่สุดให้ ในกรณีที่มีแผ่นCDซึ่งUpdateข้อมูลก็จะสามาถแนะนำเส้ นทางผ่านเรือเฟอรรี่ได้เช่นกันโดยระบบดังกล่าวเริ่มใ ช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม1998เป็นต้นมา

เดือน7ปี1998 เลิกการผลิตรุ่นS600
เดือน8ปี1998 เลิกการผลิตรุ่นCL420 S300 Turbodiesel S280 S420 และS500
เดือน9ปี1998 เลิกสายการผลิตทั้งหมดหลังจากดำเนินการผลิตมา7ปีครึ่ ง
ยอดผลิตรวมทั้งหมด :
26,022 คันสำหรับรุ่นคูเป 406,532 คันสำหรับรุ่น4ประตู โดย28,101 คันเป็นเครื่องยนต์ดีเซล
ยังคงสายการผลิตรุ่นกันกระสุนและPullmanต่อไป
ผู้จัดการโรงงาน คุณHans Joachim Scoof(ขวามือ)ส่งมอบรถ2คันสุดท้ายจากสายการผลิตให้แก ่คุณ Max Gerrit ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนMercedes Benz Classic โดยคันแรกเป็นรุ่นS320 Longส่วนคันที่2น่าจะเป็นรุ่นคูเป
เลิกการผลิตรุ่นCL500 CL600 S320 S320 Long S420 Long S500 Long และS600 Long

นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ตลอดกาลสำหรับ S Classที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับแต่เคยพบเห็นมา โดยเฉพาะในเยอรมนี ข่าวพาดหัวสำหรับการอำลาที่น่าจดจำในหนังสือพิมพ์ Frankfurt general newspaper เมื่อวันที่25.08.1998 โดยคุณ Wolfgang Peterความว่า “ไม่มีรถคันใดที่เคยให้ทั้งตวามนุ่มนวลและความสบายใน การขับขี่เท่ารถรุ่นนี้ อีกทั้งไม่เคยมีรถคันใดที่มีขนาดเท่านี้ที่ให้ความมั ่นใจได้เท่านี้ เจ้าS Classคันนี้เปรียบเหมือนยักษ์ที่สามารถเต้นรำบนปลายเ ท้าได้…รถS Classรุ่นใหม่ถัดจากนี้ที่เล็กและเบาลงทำให้เหมือนชี วิตขาดอะไรไปบางอย่าง”

1เดือน10ปี1998 ถึง 11เดือน10ปี1998 ช่วงระหว่างวันที่1ถึง11เดือนตุลาคม มีการแสดงรถS Classใหม่รหัสW220 อย่างเป็นทางการในงานปารีสมอเตอร์โชว์ รุ่นสูงสุดมีนวัตกรรมใหม่ๆถึง30อย่างด้วยกัน
รูป S320L W220 ตั้งแต่เดือนกันยายนปี1999 โดยChris

ปี2000 เลิกสายการผลิตรุ่นS500 Long แบบกันกระสุน S600 Long แบบกันกระสุน S500 Pullman S600 Pullman และ S600 Pullmanแบบกันกระสุน
โดยมีรถในสายการผลิตสุดท้ายที่185คัน รถคันสุดท้ายถูกผลิตเมื่อวันที่3เดือน11ปี2000ซึ่งเป ็นรถสีดำเขียวรุ่นS500 Long แบบกันกระสุน
เริ่มการผลิตสำหรับรถ S500 Long W220แบบกันกระสุนในเดือนมีนาคมปี1999 และช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีเดียวกันก็เริ่มผลิตS600 Long แบบกันกระสุนเช่นกัน
ไม่ทราบระยะเวลา จากจดหมายข่าวมีการกล่าวถึงช่วงล่างแบบHydropneumati cสำหรับW126 แต่ไม่พบข้อมูลแน่ชัดสำหรับW140ว่ามีการพัฒนาจนเกือบ จะนำมาผลิตแต่ถูกยกเลิกในนาทีสุดท้ายหรือไม่หรือผู้เ ขียนพิมพ์ผิดก็ไม่อาจทราบได้
ในรถ4ประตูแบบV12รุ่นแรกๆตามรูปซ้ายมือจะเห็นขอบโครเ มียมรอบPlateคันเกียร์ซึ่งไม่ทราบเวลาการเปลี่ยนที่แ น่ชัดในรถรุ่นถัดมา เช่นเดียวกันกับไม่ทราบระยะเวลาแน่ชัดของการเปลี่ยนห ัวเกียร์ที่มีตราดาวซึ่งเดาว่าคงเป็นช่วงระยะเวลาที่ เปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ5สปีด
ช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนสีฝาครอบเครื่องที่พ่นตัวหนัง สือ Mercedes Benzและตราดาวสีเงิน มาเป็นสีดำก็ไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าคงเป็นช่วงรุ่นปี1994
มีการเปลี่ยนรูปแบบหัวล็อคเข็มขัดนิรภัยตามรูปภาพทั้ งสองรูปเช่นกัน คาดว่าคงอยู่ประมาณเดือนมิถุนายน ปี1996
มีการเปลี่ยนลิ้นฝากระโปรงท้ายจากวัสดุโครเมี่ยมเป็น พลาสติกดำในรถรุ่นปี1994และเปลี่ยนกลับมาใช้โครเมี่ย มอีกครั้งหนึ่งประมาณเดือน6ปี1995?
จากข้อมูลในหนังสือAutomagazineได้พบเห็นระบบDSFในรถ คูเปรุ่นที่2ซึ่งเปิดฝากระโปรงท้ายด้วยปุ่มกด แต่ไม่ทราบระยะเวลาที่แน่ชัด

ขอขอบคุณที่มาครับ(ก๊อปเค้ามาครับ)


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ มีนาคม 23, 2009, 11:57:11 PM
โอ้พระเจ้าขอมูลเพียบเลยนะต่อไปต้องหันมาเลี้ยงปลาวาฬบ้างแล้ว แต่เสียดายจังคันนี้มีคนในสอยไปซะแล้ว ว่าแต่ทำไมข้อมูลเยอะจังหละคุณโตหรือว่าที่บ้านยังมีที่เหลือพอจะเลี้ยงปลาวาฬซักตัวมั้ยครับ ;D :)


หัวข้อ: Re: คุณ phutarn ไปเอามาหรือยัง
เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ มีนาคม 24, 2009, 12:02:59 AM
 ;)