หัวข้อ: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 09:55:13 AM ก่อนจะถึงวันนี้ ในอดีตเมื่อปี ค.ศ. 1877 บริษัท "ROVER" ได้ก่อตั้งขึ้น ในตอนแรกผลิตรถสามล้อ ที่ใช้เครื่องจักรเป็นตัวขับเคลื่อน จากนั้นได้พัฒนา ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน จากนั้นในปี ค.ศ. 1896 เปลี่ยนชื่อมาเป็น "ROVER CLCLE COMPANY Limited" และในปี ค.ศ. 1905 ได้ผลิตพาหนะ 4 ล้อขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 จังหวะ 1 สูบ ขนาด 1.3ลิตร 8 แรงม้า ออกจำหน่าย นั้นคือจุดเริ่มการเป็นบริษัทผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัวภายใต้ชื่อ "THE ROVER CO. Ltd.."
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 11:11:47 AM 1970 - 2002
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ร่วมกับ "ROLLS-ROYCE" ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน และจากผลกระทบของสงคราม ทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ในอังกฤษระส่ำระส่าย วิธีที่จะผ่านไปได้คือการรวมตัวกันเป็นองค์กรเดียวในปี ค.ศ. 1968 ภายใต้ชื่อ "BRITISH LEYLAND" จากนั้นในปี ค.ศ. 1988 ก็มาถึงจุดหักเหครั้งยิ่งใหญ่ โดยตกไปอยู่ในกิจการของบริษัท "BRITISH AEROSPACE" และเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ROVER GROUP Ltd. ซึ่งรวบรวมรถยี่ห้อดังของอังกฤษ 3 แบรนด์ คือ รถเก๋งต่างๆของ "ROVER" รถคลาสสิก "MINI" และ "MG" ก่อนจะแยกกลุ่มรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกเป็นเอกเทศ โดยใช้ชื่อว่า "LAND ROVER" หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 11:39:08 AM ปี ค.ศ. 1965 หลังจากที่ตระกูล "Land Rover" ของค่าย "Rover Group Limited" ประสบความสำเร็จในการทำตลาดในยุโรป ทำให้หันไปเจาะตลาดอเมริกาบ้าง โดยได้เริ่มดี"ซน์รถตระกูลใหม่หมด เนื่องจากทราบดีว่าคนเมืองนี้มักชอบความหรูหราสะดวกสบายกว่าธรรมดา ซึ่งต่อมาอีก 5ปีคือ เมื่อปี ค.ศ. 1970 ได้เดินสายพานผลิตออกมาขึ้นโชว์รูม ธดยตั้งชื่อรถตระกูลนี้ว่า "Range Rover" ที่เริ่มแรกเป็นรถตรวจการณ์ 3 ประตู ใช้ขุมพลัง วี8 สูบ 3.5ลิตร เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ พอในปี 1981 จึงได้ออกแบบรถตรวจการณ์ 5 ประตูมาสมทบ และ ปีต่อมาก็มีเกียร์อัตโนมัติให้เลือกอีกรุ่น ต่อมาเมื่อปี 1983 จึงจะเปลี่ยนเกียร์ธรรมดาให้มี 5 จังหวะ พอมาปี ค.ศ. 1985 ก็เอาระบบหัวฉีดมาใช้กับเครื่องยนต์ วี8 สูบ และมีขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4สูบ 4.0ลิตรให้เลือกในปีถัดมา จากนั้นปี ค.ศ. 1989 ก็ขึ้นไมเนอร์เชนจ์ โดยขุมพลังเบนซิลวี 8สูบ เพิ่มความจุเป็น 3.9ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบถูกลดเป็น 2.5ลิตร แต่ยังคงเรี่ยวแรง เอาไว้เท่าๆเดิม พร้อมกันนั้นก็ให้ระบบป้องกันล้อล็อคตายมาเป็นอุปกรณ์ มาตรฐาน แล้วมาปี ค.ศ. 1992 นำเครื่องยนต์วี 8สูบ 4.2ลิตร มาใช้พร้อมกับ เปลี่ยนระบบกันสะเทือนมาเป็นแบบถุงลมเพื่อความนิ่มนวลอีกด้วย
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 11:44:45 AM ตลอดเวลาในช่วงเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ถึงปี ค.ศ. 1994 นั้น "Range Rover" ไม่ได้เปลี่ยนตัวรถเลย ซึ่งเขาก็เรียกว่าเป็น Range Rover MK.I" ซึ่งเมื่อ "BMW AG" มายืนอยู่เบื้องหลัง และได้เปิดตัวทายาท "Range Rover" แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเดินสายพานผลิตตัวเดิมอยู่โดยเรียกว่า "Range Rover Classic" จนมาปี 1996 ได้ตัดสินใจยกเลิกสายพานการผลิต โดยตลอดอายุขัย 26ปี มีคนถอยไปใช้งานกว่า 320,000 คัน
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 12:02:25 PM สำหรับ "Range Rover MK.II" ได้ขุมพลังเบนซินบล็อคใหม่วี 8 สูบ ขนาด 4.0 และ 4.6 ลิตรของค่าย "ROVER" มาใช้ ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลก็เปลี่ยนมาเป็นแบบเทอร์โบ 6 สูบ 2.5 ลิตรของค่าย "BMW" มาใช้อีกด้วย ทั้งนี้หลังจากที่ทางค่าย "BMW" ได้ค่าย "LAND ROVER" มาอยู่ใต้ร่มเงา "Wolfgang Reitzle" ที่อยู่ในอันดับสองของแคว้นบาวาเรีย ก็ได้มีโครงการที่จะออกแบบตัวใหม่ "Range Rover" โดยได้เริ่มเป็นโครงการเมื่อปี ค.ศ. 1996 โดนใช้ชื่อรหัสเรียกว่า L30" และได้ทุ่มทุนไปถึง 3 ล้านดอยช์มาร์ก หรือกว่า 60ล้านบาทเพื่อพัฒนาออกแบบ แล้วแน่นอนก็ต้องมีสะดุดชะงักไปบ้าง เมื่อปลายปี ค.ศ. 1999 โดยนาย "Reitzle" ก็ยังเปลี่ยนที่นั่งมาค่าย "FORD" ซึ่งเมื่อทางค่าย "BMW" ได้ออกแบบตระกูล "Range Rover" เรียบร้อยก็ได้ส่งคืนให้กับค่าย "LAND ROVER" รับช่วง ให้เป็นผู้ผลิต โดย "BMW" ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ระบบขับเคลื่อนและระบบอื่นๆ ตลอดอายุขัยของ "Range Rover MK.III" ที่ได้เปิดตัวเมื่อราวตุลาคมปี ค.ศ. 2001 และได้ทยอยขึ้นโชว์รูม "LAND ROVER" ให้ถอยมาควบกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดนเมื่อปลายเดือนมีนาคมก็ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาโชว์ตัวในงาน "Bangkok International Motor Show" ครั้งที่ 23 ซึ่งมาปัจจุบันในนานาประเทศก็ได้ควบมาแล้วบอกกล่าวว่า "Range Rover" เป็นอย่างไรกันบ้าง
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: phutarn ที่ เมษายน 01, 2009, 01:30:26 PM เยี่ยมมาก เอาอีก :) :)
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 02:04:15 PM ความจริงทางค่าย "LAND ROVER" ได้วางแผนการตลาดว่าจะขึ้นไมเนอร์เชนจ์ตัวถัง "MK.II" ในช่วงปี ค.ศ. 2000 จากนั้นถึงจะออกตัวใหม่มาแทนในปี ค.ศ. 2007 แต่ตลาดรถตรวจกาณ์ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดนั้น ย่อมทำให้ มาต่อกรกับคู่แข่งได้ลำบาก ดังนั้นเมื่อค่าย "BMW" ก้าวเข้ามาจึงได้ร่นเวลาให้สั้นกระชับขึ้น โดยเมื่อทางโต๊ะเขียนแบบก็ได้ย้อนเอาเอกลักษ์ ของตัวต้นตระกูล "MK.I" เป็นพื้นฐานในการออกแบบ เนื่องจากเขากล่าวว่า "MK.II" นั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตลาดนัก ดังนั้นอย่างแรกที่ "Range Rover" ตัวปัจจุบัน (MK. III) ยังจะคงให้เห็นเด่นชัดก็คือ ทรงหลังคาที่เรียกว่า "Floating Roof" นั่นคือเสาหลังคารอบด้านจะถูกออกแบบให้เรียวเล็กกว่าธรรมดาและพรางตาด้วยสีดำ ซึ่งช่วยทำให้ตัวรถดูโปร่งตาไม่รู้สึกอึดอัดด้วย
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 02:23:11 PM นอกจากนี้ทรวดทรงตัวรถก็ยังคงเป็นแบบกล่องสองใบ ซึ่งด้านหน้าตั้งชันที่มีกระจังหน้าแบบง่ายๆ แต่ดูดีโดยชุดไฟหน้าเป็นทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม แต่จะมีแยกดวงไฟภายในเป็นทรงกลมและเป็นแบบ "Multi Xenon" ที่ให้ทัศนะวิสัยที่ดีกว่าเดิมแล้วก็ยังดูก้าวล้ำนำสมัย โดย ชุดไฟตัดหมอก (Fog lamp) เป็นทรงกลมและแยกมาฝั่งที่มุมกันชนที่มีสไตล์เรียบๆ ส่วนฝากระโปรงหน้าแบบครอบปิดเลย มาทางด้านข้างที่เรียกว่าเป็นแบบ "Clamshell" นั้นคือ จะครอบลงด้านข้างคล้ายกระดองปูไงครับ พอเดินมาด้านข้างที่เป็นแบบเรียบๆ ก็จะสะดุดตาที่ตัวระบายอากาศที่เรียกว่า "Power Vent" ซึ่งทางเขากล่าวว่า นอกจากจะทำให้รถดูสปอร์ตดุดันแล้ว ยังสามารถระบายความร้อนจากห้องเครื่องด้านหน้าอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
มาเล็งที่บั้นท้าย เขาก็ยังคงเอกลักษ์ด้วยฝาแบบ "Split Tailgate" ที่แยกส่วนบน และล่างเพื่อให้มีประโยชน์ใช้สอยและมีความสะดวกสบาย โดยชุดไฟท้ายเองก็ยังมีสไตล์เดียวกับด้านหน้า ส่วนล้ออัลลอยที่ได้มาเป็นมาตรฐานนั้น ถ้าเป็นรุ่น "Td 6" ก็จะใช้ล้อลาย 5 ก้านขนาด 18นิ้วคู่กับยางขนาด 255/60 แต่ถ้าเป็นรุ่นท๊อป ออฟ เดอะไลน์ อย่าง "4.4 Vogue" ได้มาควบก็จะเป็นล้อลาย 7 ก้าน ขนาด 19 นิ้วกับยาง 255/55 ของ "GOODYEAR Wrangler" จากนั้นเมื่อเอาเข้าอุโมงค์ลมก็จะได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd.) อยู่ที่ 0.38 ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของรถตรวจการณ์ หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 02:37:57 PM เมื่อเอา "Range Rove" มาเอกซเรย์ดูโครงสร้างตัวรถ ปรากฏว่าเขาได้ปฎิวัติใหม่คือแทนที่จะใช้แบบแชสซีส์รองรับตัวถังเหมือนกับ "MK.I" และ "MK.II" ปรากฎว่าทางเขาเปลี่ยนมาเป็นแบบ "Uni-frame" นั่นคือจะเป็นแบบโมโนค๊อกที่มีสันกระดูกขนาดเขื่อง ซึ่งมีคุณสมบัติในการซับแรงสั่นกระพือและสะเทือนได้ดีกว่า แต่ในขนาดเดียวกันก็ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดมาเป็นเหล็กปั๊มขึ้นรูป แล้วเสริมด้วยซับเฟรมที่รองรับระบบกันสะเทือนหน้า - หลัง และระบบถ่ายทอดกำลังรวม 3 ชุด เพื่อต้องการให้ตัวถังรับแรงบิดแรงเค้นได้สูงถึง 32,500นิวตัน-เมตร ต่อ 1 องศา นั่นก็หมายถึงสามารถลุยเข้าในพื้นที่ทุรกันดารได้เทียบเท่ากับของเดิม และที่สำคัญ คือ ยังผ่านมาตรฐานความปลอดภัย (Cash Test) ของ NCAP" ได้ในระดับสี่ดาวทีเดียว
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 03:00:16 PM สำหรับสัดส่วนตัวรถที่มีขนาดเขื่องขึ้นด้วย โดยมีความยาวและกว้าง 4,950 และ 1,956 มม. มากกว่าตัวเดิม 237 และ 103 มม. ตามลำดับ ส่วนความสูงเพิ่มขึ้นจาก 1,817 มม. มาเป็น 1,862 มม. ซึ่งทั้งหมดแม้ว่าจะลดน้ำหนักด้วยประตูทั้งสี่บาน (รวมทั้งโครงสร้างภายใน) เป็นอะลูมินัมอัลลอยที่ลดน้ำหนักได้ 40 กิโลกรัม ร่วมกับฝากระโปรงหน้าและกาบหน้าเป็นอะลูมินัมอัลลอยเหมือนกัน แต่เมื่อขึ้นตาชั่ง "Range Rover" ยังมีน้ำหนักมากขึ้นประมาณ 320 กิโลกรัมเป็น 2,440 กิโลกรัม (โดยด้านหน้าและหลังมีน้ำหนักเฉี่ย 47.8 : 52.2 เปอร์เซนต์)...ซึ่งทำให้ขึ้นทำเนียบว่าเป็นรถส่วนบุคคลคันหนึ่งที่มีน้ำหนักมากที่สุดในปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: RANGE ROVER THE EVOLUTION เริ่มหัวข้อโดย: Webmaster ที่ เมษายน 01, 2009, 03:03:53 PM ขอบคุณที่มาจาก Auto Magazine ;D
Powered by SMF 1.1.11 |
SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net
|