Rangeroverhouses.com Forum
มกราคม 13, 2025, 06:43:27 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: SMF - Just Installed!
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำอย่างไรดีกับนังอ้วนที่แก้ปัญหาไม่รู้จักจบ  (อ่าน 9961 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2009, 08:50:28 AM »

Range rover  4.6hse ตัวนี้เป็นรถที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่เกิด ดังนั้นผู้ที่สนใจอยากจะได้มาเชยชมสักคันหนึ่ง  คงไม่ใช่ผู้ที่มีเงินเพียงอย่างเดียว มีเงินเพียงอย่างเดียวจะซื้อรถอะไรก็ได้ แต่สำหรับเจ้า Range rover แล้วคงไม่ใช่แบบนั้น  ผู้ที่จะครอบครองเจ้า Range rover ได้แบบยาวนานนั้น  จะต้องมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ใช่เงินเพียงอย่างเดียว ด้วยอายุอานามก็เข้าไป 14 15  ปีแล้วก็มากพอดูอยู่ หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างที่มีอยู่ในตัวเขา  ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแทบจะทุกชิ้น ดังนั้นวันนี้เรามาคุยกันว่าจะทำอย่างไร จัดการอย่างไร กับเจ้า  Range rover ตัวนี้ดีเพื่อจะให้เขาอยู่กับเราได้นาน ๆ  ให้สมกับการรอคอยกว่าที่จะได้เขามาครอบครอง
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 08:51:51 PM »

ก่อนอื่นนั้นคงจะต้องคุยถึงเรื่องสภาพของรถที่กำลังใช้อยู่หรือกำลังจะซื้อเข้ามา ว่าสภาพเป็นเช่นไร ประเมินโดยรวมแล้วยังจะต้องซ่อมอะไรบ้างและในอนาคตอันใกล้เมื่อใช้ไปแล้วอีก 6 เดือนข้างหน้าจะต้องซ่อมแซมดูแลรักษาอะไรอีก  บางครั้งก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่เหมือนกัน เหมือนมีลูกอ่อนอีกหนึ่งคนเลยทีเดียว ถ้ารถที่มีอยู่ในมือสภาพดีแล้วก็คงจะปวดหัวน้อยลงหน่อย  แต่ถ้ามีรถสภาพที่ต้องปรับปรุงทั้งหมดอยู่ในมือก็คงจะเหนื่อยอยู่พอดูเหมือนกัน  บางครั้งก็คิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในแต่ละครั้งก็หลายหมากกะตังค์อยู่  ปัญหาจะรอเราอยู่ข้างหน้าเสมอถ้ารถอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมแล้วนำออกมาวิ่ง Range rover เป็นรถที่ต้องดูแลเอาใจใส่มากพอสมควร เป็นรถที่ต้องใช้ทุกวัน  ถ้าท่านคิดว่าใช้เฉพาะเสาร์อาทิตย์ หรือจอด 5 วัน ใช้เพียงหนึ่งวันเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้รถดูใหม่ นาน ๆ ใช้ครั้งนึงแล้วจะดูรถใหม่อยู่เสมอ  ในทางกลับกันกลับทำให้รถสุขภาพอ่อนแอถ้าเปรียบเหมือนคนก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ  เข้าออกโรงพยาบาลไม่เว้นแต่ละวัน  การเลือกซื้อรถมาใช้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ถ้าท่านเห็นว่ารถคันนี้ดีสีสวยถูกใจ ภายในก็ใหม่ เลขกิโลก็น้อย โดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องปัญหาทางเทคนิคเลยแม้แต่น้อย คิดแต่เพียงว่าซื้อมาแล้วค่อยขี่ไปซ่อมไป นั่นแหละครับเรื่องปวดหัวกำลังรอท่านอยู่ในอนาคตอันใกล้ หลังจากซื้อมาใช้ได้ไม่นาน ก็จะต้องเสียเงินค่าซ่อมไปเรื่อย ๆ จนท่านหมดความอดทนก็จะต้องขายออกไป หรือไม่ก็จะโดนแม่บ้านบ่นจนทำให้ขายออกไป ดังนั้นการเลือกรถ used car ที่มีขายตามเต๊นท์ทั่ว ๆ ไปนั้นทางที่ดีแล้วท่านควรจะศึกษา ข้อมูลประจำรถให้ดีเสียก่อน ว่ารถรุ่นนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร รถทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกันทั้งนั้น ไม่มีรถยนต์ยี่ห้อไหนในโลกใบนี้ที่ไม่เคยเสียเลย  ราคาอะหลั่ยเป็นอย่างไรพอจะรับได้หรือไม่  สำหรับยกตัวอย่างเช่น  ไดชาร์จลูกละหมื่นกว่าบาท   ปั้มน้ำลูกละห้าพันบาท  สายพานเส้นละพันกว่าบาท ยางเส้นละห้าพันกว่าบาท ผ้าเบรคเกือบหมื่นต่อชุด เพราะว่าถ้าท่านไม่ได้มีข้อมูลเหล่านี้มาก่อนพอถึงเวลาซ่อม ท่านจะรับไม่ได้ จนในที่สุดแล้วท่านก็ขายแล้วเปลี่ยนรถใหม่  ดังนั้นควรจะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนแน่นอนเสียก่อน อย่าไปซื้อเพราะตามเพื่อน หรือซื้อเพราะอยากได้ เพราะว่าหลังจากที่ได้รถมาแล้วก็จะใช้ได้ไม่นาน  รับรองว่าไม่เกินปี หลาย ๆ คันจะเป็นแบบนั้น

ควรจะเลือกรถแบบไหนกันดีล่ะครับ 

บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 10:19:31 PM »

ถูกต้องแล้วครับ นี่ไม่ใช้คำขู่ ยิงฟันยิ้ม รถของผมดูแลอย่างดี อะไรไม่ดีเปลี่ยนใหม่หมดของทุกชิ้นเบิกห้างแท้ๆๆๆ ไม่ซื้อของมือสองมาใช้ยกเว้นชิ้นส่วนประกอบที่ไม่จำเป็นเพราะไม่รู้เขาใช้งานมาแค่ไหน แล้วมันจะเสียเมื่อไหร่ อะไหล่ใหม่ๆแท้ๆ ของเร้นจ์มันทนทายาทมากๆผมลองมาหมดแล้วใช้ได้เกินแสนโลแน่นอน อะไหล่มือสองพาผมไปเสียมาแล้วไม่สนุกเลยเวลาเสียอยู่ไกลๆ ไม่ใช้ว่ารวยทุกวันยังหาเช้ากินค่ำ แต่ยังมีเรื่องต้องให้ปวดหัวอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังน้อยหน่อย เคยท้อคิดขายทิ้งเหมือนกันแต่ขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก จนถึงวันนี้หมดกับมันไปเยอะ แต่ก็มีความสุขนะ รถผมพร้อมเดินทางทุกทิศทั่วไทยไม่เคยกลัวว่าจะเสียระหว่างทาง อุปกรณ์สำรองต่างๆมีครบ เล่นรถรุ่นนี้ต้องเตรียมพร้อมจริงๆไม่ได้ล้อเล่นนะ เวลามีอะไรใกล้เสียหรือมีอาการที่ไม่ดีผมจะซ่อมและเปลี่ยนทันทีจะไม่รอให้เสียระหว่างทาง ไม่ใช้ว่ามีเงินเยอะนะ แต่เราซื้อรถมาเพื่อใช้งานและมีความสุขเวลาได้ขับ ไม่ใช้มันต้องมาเสียระหว่างทางมันไม่สนุกเลย ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มันก็คงลุยกันต่อไป ถ้าคิดจะเล่นรถรุ่นนี้ศึกษาให้รอบครอบและพร้อมเตรียมใจที่จะรับกับมัน รถตอนนี้มือสองก็ห้าถึงเจ็ดแสนแล้วแต่สภาพถ้าคิดว่าจะซ่อมแค่หลักหมื่นเลิกคิดไปได้เลย ถ้าคิดจะเอามาใช้จริงแล้วได้มาถึงความเป็นเร้นจ์จริงๆบอกได้เลยว่าซ่อมเกินหลักแสนแน่นอนไม่เชื่อลองดู แต่สิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่าจริงๆ ถ้าคิดว่าไม่อยากปวดหัวและไม่อยากซ่อมมากไปเล่นรถใหม่หรือรุ่นอื่นดีกว่าแต่มันจะได้เหมือนเร้นจ์หรือเปล่าหละคิดดูเอาเอง ทุกวันนี้พร้อมที่จะซ่อมต่อไป เพระซ่อมให้ตายยังงัยก็ยังไม่เท่ากับเสียเงินไปซื้อญี่ปุ่นป้ายแดง แต่มีอะไรเทียบเท่าเร้นจ์ของเราได้บ้าง เพราะฉะนั้นทำใจใว้ได้เลยถ้าคิดจะเล่น เจ๋ง เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
T_T
Global Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 554



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 09:49:43 AM »

ขอคารวะ 1 จอก  คำคม(บาดหัวใจ)ทั้งสองท่าน ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 08:45:50 PM »

เมื่อวานค้างไว้ตรงที่เราจะเลือกรถแบบไหนกันถึงจะอยู่กับเราได้นาน ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียกะตังค์มากมายในการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพเดิม ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนไทยทั่วทั้งประเทศด้วย เพราะว่าเจ้าเร้นจ์โรเวอร์ที่นำเข้ามาขายในเมืองไทยนั้น มันมีแค่เพียง 3 ปี เท่านั้นจริง ๆ ครับ เราเริ่มนำเข้ามาในปี 95 96  และปี 97 เป็นรุ่นสุดท้ายที่นำเข้ามา ส่วนปี 98 99 2000 ในเมืองไทยไมได้นำเข้ามา ส่วนสาเหตุที่ทำให้รถปีหลัง ๆ ไม่ได้นำเข้ามาก็เนื่องมาจากการลดค่าเงินบาทในช่วงเวลานั้นนั่นเอง นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าเร้นจ์โรเวอร์ในเมืองไทย ไม่มีรถที่สวย ๆ สมบูรณ์ในปี 98 99 2000 ดังนั้นในเมืองไทยจึงต้องใช้รถปีแรก ๆ นำมาตกแต่งให้เหมือนปีหลัง ๆ อย่างเช่น ไฟขาวรอบคัน สีกันชนสีเดียวกับตัวรถ สีกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ จอทีวีบนคอนโซลหน้า  และอื่น ๆ อีกมากมายที่นำมาใส่ไว้ในปีหลัง  ๆ  นี่แหละครับความโชคร้ายของคนไทยที่ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของเจ้าเร้นจ์โรเวอร์ปีหลัง ๆ เพราะว่าไม่สามารถนำเข้ามาได้ในช่วงเวลานั้นเนื่องมาจากว่ารถในมือยังระบายออกมาไม่หมด จึงไม่ได้สั่งรถปีหลัง ๆ เข้ามาขายเลย
 
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 08:04:03 PM »

รถเร้นจ์โรเวอร์ปีหลัง ๆ มามีดีอะไรหรือทำไมถึงได้มีการพูดถึงได้มากมายขนาดนี้  มันต้องดีกว่าปีแรก ๆ แน่นอนครับ รถที่ผลิตในปี 1995 นั้น ที่นำเข้ามาคันแรก ๆ ในเมืองไทย มักจะขึ้นต้นด้วย  ma 301023  รถที่ผลิตขึ้นมาในปีนี้พูดกันตามจริงแล้วได้ผลิตที่โรงงานที่อังกฤษออกมาเดือนมิถุนายน ปี1994 แต่จะใช้ model year เป็นปี 1995  และรถปี 1996 ก็จะเริ่มประกอบเดือนมิถุนายน ปี 1995 ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารถในปี 1995 นั้นได้ถูกผลิตก่อนปี 95 ถึง 6 เดือนทีเดียว นั่นเป็นส่วนของโรงงานประกอบ มาดูรถที่ส่งไปขายตลาดทั่วโลก ก็ไม่เหมือนกันในแต่ละโซน  ยกตัวอย่างเช่น  รถ spec america จะดีกว่ารถที่มีอยู่ในตลาดเมืองไทย นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ในเรื่องของระบบไฟฟ้า รถที่ส่งไปขายในยุโรปจะมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนในเมืองไทย  อย่างเช่น oil service inspection  รถในยุโรปจะมีตัวนี้คอยบอก แต่รถในเมืองไทยได้ถูกตัดออกไป ยังมีอีกหลายอย่างมากมายที่ไม่ได้ใส่มาให้อาจจะในเรื่องของราคาของตัวรถที่สูงขึ้นก็เป็นไปได้ รถเร้นจ์โรเวอร์ตัวนี้ได้ออกมาพร้อมกัน 2 สไตล์ ก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน  4600  4000cc กับ เครื่องยนต์ดีเซล 2500 cc turbocharger  แต่ในเมืองไทยสั่งนำเข้ามาแต่เครื่องยนต์เบนซินเท่านั้นในขณะนั้นไม่ได้สั่งนำเข้าเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาขาย  ส่วนที่เห็นว่ามีรถเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาวิ่งบ้าง นั่นก็นำเข้ามาเอง ในภายหลัง ทำไมรถปี 95 นั้นถึงได้มีปัญหามากมายก่ายกองนัก นั่นก็เป็นเพราะว่ารถเพิ่งจะเปิด line ผลิต ดังนั้นแน่นอนว่าต้องมีปัญหาแน่นอน  มีหลายๆคนอยากได้รถที่ผลิตเป็นคันแรกออกมา เมื่อก่อนตอนที่ผู้เขียนเป็นเด็กอยู่ก็คิดแบบนั้น อยากได้รถที่ออกมาคันแรกเลย พอได้เข้ามาอยู่ในวงการรถยนต์ อยู่ในโรงงานประกอบรถยนต์ ถึงได้รู้ว่ารถคันแรกนั้นเป็นรถที่ไม่น่าซื้อมาใช้เป็นอย่างยิ่ง ทำไมหรือครับ หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างยังคงไม่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง body parts หรือในเรื่อง jig ก็ดีจะมีปัญหามากในการประกอบ รถที่ประกอบมาจาก body shop  ผ่านการ edp และพ่นสี หลังจากนั้นจะผ่านกระบวนการประกอบที่ AF line ปัญหาจะเกิดที่จุดนี้ เพราะว่าจุดนี้จะต้องประกอบทุกชิ้นส่วนเข้าไป ปัญหาเบี้ยว เอียง รูน๊อต  สกรูไม่ตรง กระจกประกอบไม่ได้ เอียง  มากมายต้องแก้ไข นี่ก็เป็นเหตุผลที่รถคันแรก ๆ ไม่ควรมีไว้เป็นเจ้าของ  รอให้ผลิตไปสัก ระยะหนึ่งแล้วค่อยซื้อจะดีกว่า range rover ก็เช่นเดียวกัน รถที่ผลิตมาในปีแรก ๆ นั้นมีปัญหามากมาย service bulletin มีเมากมายส่งมาให้แก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความร้อนก็ดี สาย high pressure brake ก็ดี  รถทุกคันที่นำเข้ามาขายคันแรก ๆ ได้ถูกเรียกกลับเข้ามาเปลี่ยนท่อน้ำทั้งชุด และก็อีกหลาย ๆ รายการ ที่ได้มีการ recall รถกลับมาเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น  ส่วนรถที่ผลิตมาในปี 96 นั้นก็ได้รับการปรับปรุงมาจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว เพราะอะไรหรือครับ เพราะรถปี 95 นั้นพอมีปัญหาข้อบกพร่องเกิดขึ้น ก็จะถูก report ส่งกลับไปยังโรงงานผู้ผลิตทุกกรณี และก็ได้รับการปรับปรุงมาเรื่อย ๆ จน bmw มาเทคไปในปี 1996 ดังนั้นรถในตระกูล  landrover ทุกรุ่น ตั้งแต่ปี 1997 ขึ้นมาจะได้รับการปรับปรุงโดย bmw  โดยในปีนี้ระบบไฟฟ้าได้เริ่มเปลี่ยนเป็นของ bosh แทบจะทั้งระบบ ถามว่าดีขึ้นกว่าเดิมที่ใช้ของ lucas หรือไม่ตอบได้เลยว่าปัญหาได้ลดลงมาในเรื่องของระบบไฟฟ้า แม้แต่ตัว test book เองก็ดี เวลาที่จะใช้เพื่อเคลียร์ระบบ วิเคราะห์ระบบ ก็ต้องเลือกใช้ปีให้ตรง ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่ตอบสนองเหมือนกัน รถยนต์ landrover ที่ผลิตออกมาหลังจากนี้  สายพันธุ์ได้เปลี่ยนไปแทบจะไม่เหลือความเป็นรถสายพันธุ์อังกฤษอันเลื่องลือในอดีต กลับกลายเป็นรถสายพันธุ์เยอรมันเข้ามามีบทบาทอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และยิ่งระบบไฟฟ้าด้วยแล้วไม่หลงเหลือความเป็นรถยนต์ของอังกฤษเลย  ทาง bmw ได้พัฒนาระบบไฟฟ้าด้วยการนำระบบ bus ที่มีใช้อยู่ใน bmw ทุกรุ่นนำมาใช้กับรถยนต์ของ landrover แทบจะทุกรุ่นก็ว่าได้  ถามว่าดีขึ้นหรือไม่ดีอย่างไร  ตอบได้เลยครับว่าดีขึ้นมากครับปัญหาทางระบบไฟฟ้าไม่ค่อยทำให้เราปวดหัวมากเท่าไร  ระบบนิ่งแน่นอนมากโดยเฉพาะเรื่องความร้อนที่เป็นปัญหาหลักของนังอ้วนมาโดยตลอดก็ได้รับการปรับปรุงและแก้ไขไปด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 12, 2009, 08:04:01 AM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2009, 11:37:59 AM »

นี้เขียนโดยไม่กางตำราเลยเหรอพี่ เยี่ยมจริๆง เอาอีกๆ ตกใจ
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 01:52:52 PM »

เพิ่งกลับมาจากลำปางครับ คิดว่าจะได้สัมผัสอากาศหนาว ผิดหวังครับ  ร้อนมาก ๆ ขอบอก มีเพื่อนสมาชิกหลาย ๆ คน  บอกว่าอยากรู้เรื่องการประกอบรถเขาทำกันยังไง ถึงได้ออกมาเป็นรถนั่งได้  เอาไว้เดี๋ยวผู้เขียนมีเวลาว่าง ๆ แล้วจะเขียนให้อ่านก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าเขาทำรถกันอย่างไรในบ้านของเรา
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2009, 09:31:23 PM »

วันนี้พอมีเวลาว่างก็เลยจะเข้ามาเขียนต่อเรื่องการประกอบรถยนต์ เขาทำกันอย่างไร แต่ก็กลัวว่าจะยาวจนเกินไปเอาเป็นว่าเดี๋ยวมีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่าการประกอบรถยนต์ในเมืองไทย ในญี่ปุ่น ในอังกฤษ มันแตกต่างกันมากมายขนาดไหน ถ้าเขียนยาวแน่ละครับเอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องนังอ้วนของเราดีกว่าว่าการที่เราได้นังอ้วนมาแล้วจะทำอย่างไรให้เขาอยู่กับเรานาน ๆ โดยไม่มีเรื่องจุกจิกกวนใจให้เสียอารมณ์  หลาย ๆ คนที่เคยได้สัมผัสนังอ้วนมาแล้วก็คงจะทราบว่านังอ้วนนั้นไม่ใช่รถญี่ปุ่นทั่วไปที่ซื้อมาแล้วค่อย ๆ ซ่อมไปขับไป ด้วยเป็นเพราะอายุเขาค่อนข้างมากแล้ว  ดังนั้นการที่ได้รถมาถ้าได้รถที่เจ้าของเดิมดูแลเอาใจใส่ อยู่ตลอดก็ไม่น่าห่วงที่จะดูแลต่อไป แต่ถ้าได้รถที่เจ้าของเก่าไม่ได้ดูแลมาล่ะก็สนุกครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 10:58:56 PM »

ถ้าเราเกิดได้รถที่มีปัญหาที่แก้แล้วไม่รู้จักจบมาอยู่ในมือแล้วนั้น สิ่งแรกที่ควรจะทำคือทำใจครับ ทำใจว่าจะทำอย่างไรดีกับเขาเพื่อให้เขาอยู่กับเราต่อไปโดยให้เราเดือดร้อนน้อยที่สุด  ต้องค่อย ๆ ศึกษาถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง ควรวางแผนว่าจะต้องซ่อมอะไรก่อนหรือหลังตามความจำเป็น
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
vich_ch
Full Member
***
กระทู้: 142


« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 17, 2010, 05:38:56 PM »

อ้าวหยุดเขียนแล้วหรือพี่ กำลังอ่านมันเชียว  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม รถผมก็ 95 MA เหมือนกัน แล้วรถผมถูกส่งกลับ เปลี่ยนท่อน้ำ หรือเปล่าพี่เท่าที่พี่รู้น่ะ? เพราะพี่เห็นรถคนนี้ตั้งแต่อ้อนแต่ออก   ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2011, 09:03:10 PM »

    up ครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net Valid XHTML 1.0! Valid CSS!