Rangeroverhouses.com Forum
มกราคม 12, 2025, 05:18:11 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: SMF - Just Installed!
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: RANGEROVER P38 (1995-2001) TOP TEN SERIOUS CASES  (อ่าน 72787 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 18 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Webmaster
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 420



« เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 01:48:19 PM »

ในที่นี้จะมาคุยกันถึงเรื่องที่ควรระวังเป็นพิเศษกับนังอ้วนของเรา และวิธีการแก้ไขอย่างถูกต้องเพื่อให้ท่านได้ใช้นังอ้วนอย่างสบายใจ เพราะถ้าจะรออ่านจาก กระทู้ 108 1009 อาจจะช้าไปเลยต้องรวบรวมมาไว้ ในที่นี้น่าจะดีกว่า เพราะรวมทุกระบบมาอยู่ด้วยกัน จัดอันดับ TOP TEN ให้เลยรับรองมันหยดติ๋งแน่ ถ้าจะให้สนุกเราจะจัดจากอันดับที่ 10 ลงไปหาอันดับที่ 1 นะครับ คงจะใช้เวลาเขียนไม่กี่วันอดใจรอนิดนึงนะครับจะรีบเขียนให้เร็วที่สุด

อันดับที่ 10 ประจำสัปดาห์นี้ได้แก่เอ๊ยไม่ใช่  ขอต่อเลยละกัน เกียร์จเมน เกียร์พ่วง และเฟืองท้ายหน้าหลังมีเสียงดัง หอน กระตุก เป็นปัญหาใหญ่สำหรับนังอ้วนที่ถูกใช้งานมานานปีแต่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่มันก็เป็นปัญหาที่ทำให้เจ้าของรถเครียดได้ เพราะทุกครั้งที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงเจ้าเสียงพวกนี้ก็จะดังรบกวนท่าน บางครั้งดังมากกว่าวิทยุที่เปิดอยู่เสียอีก บางท่านก็ซ่อมแล้วแต่ว่าไม่หายทำให้ไม่อยากใช้รถและก็ขายทิ้งออกมาในที่สุด ดังนั้นควรดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

น้ำมันเกียร์เมนเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ ระยะ 20000 กม. น้ำมันที่ใช้ automatic transmission fluid  DEXON 3  ปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้ง 11 ลิตรในกรณีที่ใช้เครื่องดูดน้ำมันออกหมดทั้งระบบ แต่ถ้าถ่ายทิ้งอย่างเดียวให้ใช้แค่  5  ลิตรเท่านั้น สำหรับกรองน้ำมันเกียร์ให้เปลี่ยนทุก ๆ 40000 กม
น้ำมันเกียร์พ่วง เปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 20000 กม  น้ำมันที่ใช้  automatic transmission fluid DEXON 3 ปริมาณที่ใช้  2.4 ลิตร ห้ามใช้น้ำมันอื่นที่มีความหนืดมากกว่านี้ เพราะจะทำให้ปั้มน้ำมันไม่สามารถปั้มน้ำมันได้ และเกียร์ก็จะพังในที่สุด อย่าลืมว่าภายในเกียร์พ่วงของเราไม่ได้ใช้เฟืองขบเฟืองแต่ของเราใช้โซ่เป็นตัวส่งกำลังดังนั้นถ้าใช้น้ำมันผิดประเภทแล้วจะทำให้เกียร์ดังและหอนได้สุดท้ายก็พัง
น้ำมันเฟืองท้ายหน้า หลัง ให้ใช้น้ำมันเกียร์ เบอร์ 90 ปริมาณที่ใช้ 1.7 ลิตร x  2


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 01, 2012, 06:16:36 AM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

หน้าตาไม่เกี่ยว...อาศัยที่ปลี่ยว..และกำลัง

.......ดิ้นต่อยท้อง......ร้องต่อยปาก
Webmaster
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 420



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 01:49:16 PM »

อันดับที่ 9 abs pump and accumulator
ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกันถ้าระบบเบรคไม่ทำงานก็ทำให้รถหยุดไม่ได้ต้องพึ่งพาอาศัยบั้นท้ายรถคันอื่นหรือเสาไฟฟ้าเพื่อให้รถหยุดได้ แต่ถ้าท่านได้ดูแลเจ้า abs pump กับเจ้า accumulator ให้ดีอย่างถูกต้องทั้งวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาปัญหานี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ปั้มไม่ทำงาน และเจ้าตัว accumulator หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่าเจ้าตัวควบคุมกำลังดันน้ำมันเบรคนั่นเอง ในตัวของเจ้า accumulator  ตัวนี้ภายในบรรจุด้วยก๊าซไนโตรเจนถ้าถูกใช้งานไปนานนานเข้าก๊าซภายในก็จะเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เจ้าตัวนี้หมดสภาพไปในที่สุด ในบางรุ่นสามารถนำมาเติมก๊าซแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่เจ้าตัวนี้ไม่สามารถครับ ดังนั้นเวลาเสียก็ต้องทิ้งเลยตัวนึงก็หลักหมื่นครับ ส่วนเจ้าตัว abs pump ตัวหนึ่งตกประมาณ 80000 บาท (ราคารวม accumulator) เจ้าสองตัวนี้จะอยู่ในระบบ abs ดังนั้นจึงมีความสำคัญมาก เจ้าตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเบรคจะมีความสำคัญมากกว่าเพราะว่าจะเป็นตัวควบคุมกำลังดันน้ำมันเบรค ถ้าเป็นของใหม่ให้สังเกตุว่าเวลาเหยียบเบรคประมาณ 3 - 4 ครั้งปั้ม abs ถึงจะทำงาน 1 ครั้ง แต่ถ้าตัวควบคุมแรงดันตัวนี้เสื่อมสภาพ สังเกตุได้ง่าย ๆ ว่าเหยียบเบรคทุกครั้งปั้มจะทำงานทุกครั้งและไฟที่หน้าปัทม์ในระบบ abs จะโชว์ทุกครั้งทื่เหยียบเบรค ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าถ้าเราขับรถบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น รถจะค่อย ๆ ขยับไปเรื่อย ๆ เราต้องเลื่อนรถและเหยียบเบรคอยู่เรื่อย ในความถี่ที่เราเหยียบเบรคนี้เองที่ทำให้ปั้มเบรคชำรุดเสียหายได้ ก็เนื่องมาจากความร้อนสะสมในตัวของปั้มเอง จากนั้นปั้มก็จะไหม้  ถ้า accumulator ดีปั้มก็จะทำงานน้อยลง คือ  สมมุติว่าเราเหยียบเบรค  40000 ครั้ง abs pump จะทำงานเพียง 10000 ครั้งเท่านั้น แต่ถ้า accumulator ไม่ดี เหยียบเบรค 40000 ครั้ง  ปั้ม abs ก็จะทำงาน 40000 ครั้งเช่นกัน ทำให้อายุการใช้งานของเจ้า abs pump สั้นลง แทนที่จะอยู่ได้ถึง 10  ปี อาจจะอยู่ได้แค่ไม่กี่ปีก็พังแล้วละครับ จุดรั่วในระบบเบรคก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ดังนั้นควรจะตรวจสอบรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ ในระบบให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหานี้กับท่านครับ



* g.jpg (26.57 KB, 504x488 - ดู 5029 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

หน้าตาไม่เกี่ยว...อาศัยที่ปลี่ยว..และกำลัง

.......ดิ้นต่อยท้อง......ร้องต่อยปาก
Webmaster
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 420



« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 01:49:36 PM »

อันดับที่ 8  abs booster ชำรุดเสียหาย
อาการนี้ก็จะเป็นเหมือนอันดับที่ 9 จะมีอาการเบรคไม่อยู่เหยียบเบรคไปแล้วจะไม่มีเบรคเลยเสียวสันหลังวาบแต่พอย้ำครั้งที่สองอาจจะมีมาบ้างหรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นไปได้ อันนี้ก็เนื่องมาจากอุปกรณ์ภายในกระบอกเบรคแตกหัก ถ้าไม่ไปโดนกระบอกเบรคเป็นรอยก็ยังพอแก้ไขได้แต่ถ้ากระบอกเป็นรอยก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ก็เป็นสาเหตุทำให้เจ้าของรถเครียดได้อีกเหมือนกันเพราะสนนราคาที่แพงลิบลิ่วราคาเฉียดแสนบาทเลยทีเดียวในเวลานี้แต่เมื่อก่อนนี้ราคาแพงกว่านี้อีก บางคนซื้อรถมาใช้ได้ยังไม่ถึงเดือน abs booster พังถึงกับต้องขายรถทิ้งก็มีมาแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะซื้อรถมือสองก็ดีหรือมีรถอยู่แล้วก็ดีถ้ามีอาการเหยียบเบรคไปแล้วมีอาการสะดุด ๆ ก็ควรเข้าไปปรึกษาช่างก่อนที่จะชำรุด น้ำมันเบรคเป็นตัวสำคัญมากที่สุดเกี่ยวกับระบบเบรค ดังนั้นควรให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 การเลื่อกใช้น้ำมันเบรคก็ควรใช้ตามที่โรงงานผู้ผลิตกำหนด สำหรับเจ้านังอ้วนของเราจะใช้ lockheed dot 4  ete dot4 castrol dot 4 หรือ lucas dot 4 เช่นกันใช้ได้หมด ขอให้เป็น dot 4 ห้ามใช้น้ำมันเบรคต่ำกว่าเกรดนี้ และก็ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคทุก ๆ 40000 กม ตามระยะมิฉะนั้นแล้วจะทำให้ท่านได้ปวดหัวได้เหมือนกัน บางท่านชอบเติมน้ำมันเบรคผสมกัน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้ลูกยางที่คาลิปเปอร์เบรคหรือส่วนต่าง ๆ บวมหรือชำรุดได้  ดังนั้นไม่สมควรเติมน้ำมันเบรคเวลาน้ำมันเบรคต่ำควรหาสาเหตุว่าทำไมน้ำมันเบรคถึงต่ำลงได้ สาเหตุหลัก ๆ ก็มีการรั่วซึมในระบบ หรือผ้าเบรคสึกหรอใกล้จะหมดก็เป็นไปได้ การตรวจเช็คผ้าเบรคสำหรับนังอ้วนทำได้ไม่ยากนักเพราะเป็น disc brake ทั้งสี่ล้อ สามารถตรวจเช็คด้วยตัวท่านเองได้ โดยใช้มือตรวจสอบได้ ตัวผ้าเบรคจะแบ่งเป็นสองส่วน คือหนึ่ง เหล็กและเนื้อผ้าเบรค ตัวเหล็กจะมีความหนาอยู่ประมาณ 4-5 มม นอกนั้นจะเป็นความหนาของผ้าเบรคส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 15 -20 มม เมื่อท่านแหย่มือเข้าไปตรวจเช็คท่านจะรู้สึกได้ว่าผ้าเบรคเหลือมากหรือน้อยขนาดไหน ง่าย ๆ ครับ หรือถ้าไม่สะดวกก็ควรให้ช่างตรวจสอบก็ได้ครับไม่นาน ส่วนในเรื่องของ abs faults โชว์หน้าปัทม์ก็มาจาก abs booster ได้เหมือนกันเพราะนอกจากจะมีส่วนของ mechanical แล้วยังมีระบบ solinoid ซึ่งเป็น electrical มาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ควรใช้ test book ตรวจเช็คและ reset ตามระยะเพื่อระบบเบรคที่สมบูรณ์ 100  หากระบบ abs  ไม่สมบูรณ์แล้วจะทำให้ระบบต่าง ๆ ในรถไม่ทำงานไปด้วยเพราะว่าระบบทุกระบบจะถูกพ่วงอยู่จากระบบนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดซึ่งทางวิศวกรผู้ออกแบบต้องการให้เป็นไปแบบนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่เอง อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดว่าต่อไปนี้ท่านจะเติมน้ำมันเบรคหลาย ๆ ยี่ห้อผสมกันอีกหรือไม่ ถ้าท่านไม่แน่ใจว่าตอนนี้ใช้ยี่ห้ออะไรอยู่ละก็เพื่อความปลอดภัย ถ่ายทิ้งทั้งระบบจะดีที่สุด ใช้เวลาไม่นาน ใช้น้ำมันเบรคประมาณ 2 ลิตร เสร็จแล้วก็ต้องไล่ลมระบบเบรคให้เรียบร้อย เท่านี้ก็จะทำให้เบรคนิ่มนุ่มนวลขึ้นครับไม่เชื่อลองดู
สำหรับระบบเบรค abs ของนังอ้วนนี้เป็นระบบที่สุดยอดแล้วสามารถไว้ใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ถ้าระบบสมบูรณ์ การเบรคในระยะกระชั้นชิดที่ความเร็ว 150 กม/ชม บอกท่านเลยว่าเอาอยู่มั่นใจมั่ก ๆ ไม่มีอาการเซหรือปัดแม้แต่นิดเดียวลองดู ถ้าท่านใดที่มีประสบการณ์ตรงนี้ก็เข้ามาคุยกันได้เพื่อเป็นประสบการณ์กับท่านที่ยังไม่เคย การเปลี่ยนระบบเบรคแปลงไปใช้แบบอื่นนั้น คงไม่แนะนำถึงแม้ราคาจะถูกลงแต่คุณค่าราคาชีวิตของท่านก็จะถูกลงไปด้วย บอกตรง ๆ ว่าไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง

บันทึกการเข้า

หน้าตาไม่เกี่ยว...อาศัยที่ปลี่ยว..และกำลัง

.......ดิ้นต่อยท้อง......ร้องต่อยปาก
Webmaster
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 420



« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 01:49:58 PM »

อันดับที่ 7 ระบบไฟฟ้าล้มเหลว
เห็นชื่อหัวข้อแล้วท่านก็คงนึกถึงระบบการทำงานของร่างกายมุษย์แล้วก็คงจะเห็นภาพได้ไม่มากก็น้อยเพราะถ้าเปรียบเป็นคนก็นึกเอาเองก็แล้วกันคงจะสวดกันสามคืนแล้วก็ควันออกปล่องเผาตามธรรมเนียม ระบบไฟฟ้าในนังอ้วนนั้นมีมากมายหลายระบบเป็นรถที่ช่างฟ้องมาก ๆ แม้แต่หลอดไฟขาดหรือประตูเปิดก็ฟ้อง มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเอง ข้อดีก็คือเป็นระบบที่แยกระบบแต่ละระบบออกไปเป็นแบบ ecu  1 ตัวควบคุมหนึ่งระบบและมี becm (body electrical control module) เป็นตัวประเมินผลและรวบรวมข้อมูลแจ้งไปยังหน้าปัทม์ display เดี๋ยวมาเขียนต่อนะครับงานเข้าง่ะ  ขอโทษด้วยที่ทำให้รอมาว่ากันต่อเลยก็แล้วกันเนื่องด้วยในรถรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาขายในปี 1995 ถ้าดูแล้วในช่วงนั้นยังไม่มีค่ายไหนทำรถที่มีจอ digital ออกมาขายเลย มีเพียงเราเจ้าเดียวเท่านั้นที่พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาซึ่งก็ทำให้นังอ้วนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ฉายาว่า king of off road ในเวลาต่อมา เรามาคุยถึงข้อดีของเจ้าระบบที่ว่ากันดีกว่า ข้อดีของระบบ ecu 1 ตัว ควบคุม 1 ระบบกันดีกว่าว่ามันดีอย่างไร
1  การซ่อมแซมดูแลรักษาทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เวลามีปัญหาก็หาง่าย ไม่เสียเวลามาก
2  ไม่เสียเงินมากเวลาที่ระบบหนึ่งระบบใดเสีย สมมุติว่าระบบ abs เสีย ก็เปลี่ยน ecu เฉพาะระบบนี้เท่านั้นระบบอื่นไม่กระทบ ถ้าเป็นระบบรวมทุกระบบเข้าด้วยกันคงต้องเสียเงินมากกว่าระบบนี้เพราะต้องเปลี่ยนสมองยกชุดทั้ง ๆ ที่ระบบอื่นไม่ได้เสียไปด้วย
ข้อเสียก็มีเหมือนกัน
1  เนื่องจากสมองต้องแยกออกมาในแต่ละระบบจึงทำให้มีสมองสั่งการมากมาย เดือดร้อนต้องหาที่ให้เขาอยู่เกือบ 12 ตัวเชียวนะมากมายพอดู ส่วนมากแล้วก็อยู่ใต้เบาะนั่งของเรานั่นแหละ
2  ระบบสายไฟที่ต้อง wiring แต่ละระบบก็ต้องมากมายไปด้วย จึงทำให้มีสายไฟมากกว่ารถที่มีสมองตัวเดียว
3  เวลาใช้ test book เข้าไปตรวจสอบระบบจะใช้เวลานานกว่าระบบอื่น ยกตัวอย่างเช่นระบบไฟฟ้าของ bmw จะใช้สัญญาณ bus เป็นตัวตรวจสอบรวดเร็วมากใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สามารถตรวจเช็คระบบเรียบร้อยแล้วว่าพร้อมทำงานหรือไม่  เหมือนกับเราวิ่งไปเคาะประตูบ้าน 12 หลังทีละหลัง กับเคาะประตูบ้าน 12 หลังในเวลาพร้อมกัน ดังนั้นระบบของเราอาจจะล้าหลังอยู่บ้างแต่ก็ยังใช้งานได้ดีไม่แพ้รถรุ่นใหม่หรอกครับ
4  ข้อนี้สำคัญมากที่สุดในเมื่อเวลามันเสียตัวเดียวก็ประหยัดกะตังค์ดีอยู่หรอก แต่เมื่อใดก็ตามที่มันเสียพร้อม ๆ กันทั้งหมดจะด้วยสาเหตุใดก็ตามมันก็จะทำให้ท่านนั้นปวดหัวแบบว่า ไม่น่าเลยตูรู้งี้ให้ช่างซ่อมซะดีกว่า เฉพาะราคาสมองทั้งหมดรวม ๆ กันแล้วก็หลายแสนอยู่นะครับ ฉะนั้นอย่าเล่นกับไฟนะครับมันร้อน
เรามาคุยกันดีกว่าครับว่าสาเหตุใดที่ทำให้ไอ้เจ้าระบบไฟฟ้าของเรามีปัญหา 
อันดับแรกเลยก็เรื่อง battery ไฟอ่อนต้องพ่วงอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้รถท่านมีปัญหาได้โดยที่ท่านไม่รู้ การพ่วงแบตเตอรี่โดยไม่ถูกวิธีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ระบบไฟฟ้ามีปัญหา ปัญหาอาจจะไม่เกิดขึ้นทีเดียวแต่จะค่อย ๆ ลุกลามเหมือนมะเร็งร้ายและในทีสุดก็เสียกะตังค์ ดังนั้นต้องขอเตือนท่านที่ใช้รถนาน ๆ ครั้งควรจะสตาร์ทรถของท่านทุก ๆ 2 - 3 วันเพื่อปัญหานี้จะได้ไม่เกิด เพราะอย่าลืมว่าเจ้านังอ้วนใช้ไฟฟ้าเยอะมากจอดอยู่กับที่ก็ใช้ไฟนะครับ เพราะระบบกันขโมยทำงานอยู่
อันดับต่อไปเกิดจากการปฏิบัติงานของช่างซ่อมที่ไม่รู้เทคนิคการซ่อมรถรุ่นนี้จะทำให้เจ้านังอ้วนของเรางอแงได้ ถามว่า sleep mode คืออะไรช่างบางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรจะต้องทำอย่างไรกับเจ้า sleep mode ดังนั้นไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่ท่านจะนำนังอ้วนไปซ่อมตามร้านไฟฟ้าหรืออู่ที่ไม่ชำนาญ เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาไม่มีใครรับผิดชอบได้ เพราะส่วนมากแล้วเวลาไปซ่อมสมมุติไปแค่เปลี่ยนแบตเตอรี่ เวลาไปถึงร้านท่านก็แจ้งเปลี่ยนแบตเตอรี่ เจ้าของร้านก็บอกให้เด็กไปเปลี่ยนถามว่าเด็กร้านแบตเตอรี่ก็ได้แต่ถอดและประกอบ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องถอดขั้วใดก่อนหรือหลัง และตอนใส่จะใส่ขั้วใดก่อนหรือหลังประการใด เวลาใส่ขั้วแบตเตอรี่แล้วจะทำให้cenrrallock ทำงานเองหรือไม่ ถ้ากุญแจเสียบอยู่จะทำอย่างไรในเมื่อกุญแจเสียบอยู่แล้วรถุมันล็อคเอง ใส่ขั้วแบตแล้วจะต้อง reset อะไรบ้าง มีหน้าที่เพียงทำตามที่เจ้าของร้านสั่งเท่านั้น ดังนั้นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาภายหลังได้
อันดับต่อไปก็เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานของช่างอีกเหมือนกัน คราวนี้เป็นช่างซ่อมท่อไอเสีย แน่นอนว่าเจ้านังอ้วนอายุขนาดนี้ท่อไอเสีย หม้อพักไอเสีย ต้องหมดอายุเป็นธรรมดา เนื่องจากราคาท่อไอเสียของแท้จะแพงมาก ๆ เราก็จะหันไปหาท่อไอเสียราคาต่ำกว่า หรือผลิตในเมืองไทยมาใส่ซึ่งก็ใช้ได้เหมือนกัน บางท่านคงจะนึกไม่ถึงหรอกว่าแค่นำรถไปเปลี่ยนหม้อพักไอเสียแล้วรถจะงอแงได้ มีมาแล้วหลายคันครับ และที่แน่ ๆ รถที่ขายกันอยู่ในเวลานี้ก็มีวนอยู่ในตลาดนั่นแหละเพราะว่าซ่อมไม่จบใครได้ไปแล้วซ่อมไม่จบเสียเงินมากก็ต้องขายออกมา คนที่ซื้อมาด้วยความไม่รู้ก็ต้องมาซ่อมต่ออีกซ่อมต่อไม่ไหวก็ขายออกมา เพราะราคาอะหลั่ยแต่ละอย่างราคาค่อนข้างจะแพง ดังนั้นท่านควรจะใส่ใจในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ให้มาก ถึงไหนแล้วครับ อ้อถึงร้านทำท่อไอเสียแล้วครับ พอท่านเอารถไปที่ร้านทำท่อไอเสียตกลงราคาเสร็จท่านก็ทิ้งรถไว้ หลังจากนั้นอีกชั่วโมงให้หลังรถก็เสร็จท่านก็มารับรถกลับ รถก็ดูปกติดีทุกอย่าง แต่มันมีเหตุการณ์ตอนที่ท่านทิ้งรถไว้หรือแม้แต่ท่านอยู่รอท่านก็ไม่รู้หรอกครับ ก็เห็นช่างทำงานอยู่ใต้ท้องรถจนรถเสร็จก็ไม่เห็นมีอะไร แต่มันจะมีเหตุจากการเชื่อมนี่แหละครับ บางช่างมักง่ายมั่กๆๆ เชื่อมไฟฟ้าโดยไม่ถอดขั้วแบตเตอรี่เจ้าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละครับมันจะเกิดเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ เนื่องจากระบบไฟฟ้าของรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อจะใช้ตัวถังของรถเป็นกราวด์ ดังนั้นการเชื่อมไฟฟ้าโดยที่ไม่ถอดขั้วแบตเตอรี่จะทำให้เกิดการ shock ได้ดังนั้นควรระวังข้อนี้ให้มากที่สุด
อันดับต่อไปก็เกิดจากการล้างอัดฉีดรถ ก็ทำให้เกิดปัญหาได้เหมือนกัน อย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกเราทุกคนรักรถกันทุกคนอยากให้รถหล่อ ๆ สวย ๆ ไม่อยากให้ฝุ่นหรือโคลนมาเปรอะเปื้อนก็เข้าล้างอัดฉีด แต่ด้วยการล้างอัดฉีดบางที่บางแห่งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะล้างห้องเครื่องมาให้ด้วย แต่เนื่องจากแรงดันของน้ำที่ล้างอัดฉีดแรงเกินไป ไม่เป็นผลดีกับตัวรถแม้แต่สีรถเองก็ดีจะทำให้สีหลุดลอกได้ ส่วนในห้องเครื่องยนต์นั้นไม่ควรใช้น้ำแรงดันสูงฉีดโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้ระบบไฟฟ้ามีปัญหาได้ sensor ต่าง ๆ ปลั๊กไฟต่าง ๆ น้ำเข้าไปได้ ปลั๊กไฟฟ้าพวกนี้น้ำเข้าไปได้ง่ายแต่ออกยาก บางท่านยังไม่เคยเห็นเวลาที่ล้างอัดฉีดออกมาแล้วนำรถกลับมาจอดที่บ้านแล้วอยู่ ๆ กันขโมยร้องเอง ไฟรอบคันติดเอง แตรดัง เครื่องยนต์สตาร์ทได้เอง นึกว่าผีหลอกไม่ใช่หรอกครับ ไฟฟ้าลัดวงจรครับ ถ้าเจอแบบนี้ก็ไม่ต้องวิ่งไปหาพระมารถน้ำมนต์ หรือวิงรอบรถเพราะทำอะไรไม่ถูกหรอกครับ หาประแจเบอร์ 13 มาถอดขั้วลบแบตเตอรี่ออกให้เร็วที่สุดก่อนหลังจากนั้นค่อยว่ากัน จะติดต่อศูนย์บริการหรือผู้ชำนาญการมาดูก็สุดแท้แต่ท่านจะสะดวกล่ะครับ ดังนั้นสิ่งที่ท่านควรพกติดรถเป็นประจำก็คือ ประแจเบอร์ 13 ไขควงและคีม อ้อลืมไปยังมีน้ำถัง5ลิตรนะครับอย่าลืม


บันทึกการเข้า

หน้าตาไม่เกี่ยว...อาศัยที่ปลี่ยว..และกำลัง

.......ดิ้นต่อยท้อง......ร้องต่อยปาก
Webmaster
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 420



« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 01:50:27 PM »

อันดับที่ 6 เครื่องยนต์ overheat
วันที่เขียนอยู่นี้เป็นเวลาเช้าที่เศร้าวันหนึ่งของคนรักษ์เร้นจ์ เพิ่งจะเขียนเรื่องระบบไฟฟ้าล้มเหลวไปไม่เท่าไร วันนี้เพื่อนมาหัวใจล้มเหลวซะแล้ว เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์ มีใครรู้บ้างว่าคนเราตายแล้วไปไหน สงสารก็แต่เพื่อนลูกยังเล็กอยู่เลย เอ้าเลยมาต้องขออภัยท่านผู้ติดตามด้วยครับ เห็นหัวข้อทุกท่านก็คงจะถึงบางอ้อบ้างแล้วล่ะครับ รถทุกค่ายทุกรุ่นทุกยี่ห้อต้องเจอกับคำคำนี้ และทุกคนก็รู้จักวิธีแก้ไขมันดีอยู่แล้วแต่สำหรับเจ้านังอ้วนของเราค่อนข้างเปราะบางล่อแหลมต่อการที่เครื่องยนต์เสียหายได้ง่ายกว่าเจ้าอื่นและหลังจากรักษาหายจากการ overheat แล้วยังจะมีอาการต่อเนื่องอีกมากมายที่ตามมาภายหลัง ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์เป็นอันดับ 1 จะดีที่สุดครับ
 
บันทึกการเข้า

หน้าตาไม่เกี่ยว...อาศัยที่ปลี่ยว..และกำลัง

.......ดิ้นต่อยท้อง......ร้องต่อยปาก
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2009, 08:01:59 AM »

          มาต่อกันดีกว่าครับ การ overheat ของนังอ้วนได้ส่งผลเสียอย่างมากมายให้กับระบบของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์รุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์ ของ discovery v8 ที่ใส่อยู่ใน discovery นั่นแหละครับ ต่างกันที่ระบบelectronics ที่ใช้ไม่เหมือนกัน ของ discovery ใช้เครื่องยนต์ 3900 4200 cc ระบบ electronics จะเป็นแบบ hot wire efi ในระบบนี้ถ้าจะให้รู้ลึกกันจริง ๆ ต้องไปอ่านที่ แฟนพันธุ์แท้ครับ เอาง่าย ๆ ระบบนี้ยังเป็นระบบเดิมแบบโบราณอยู่ ก็คือจะใช้ระบบจุดระเบิดแบบelectronic ควบคู่ไปกับจานจ่าย ดังนั้นความแม่นยำในการจ่ายไฟ น้ำมันในความเร็วสูงหรือรอบเดินเบายังไม่ดีเท่ากับของเครื่องยนต์ 4600 cc ที่ใส่อยู่ใน rangerover เพราะได้รับการออกแบบและพัฒนามาอีกขั้นหนึ่ง ระบบที่ใส่อยู่ในนังอ้วน จะเป็นระบบ GEMS เป็นระบบ electronics สมบูรณ์แบบไม่มีจานจ่ายมาเกี่ยวข้อง ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ประหยัดน้ำมันมากกว่า discovery v8i แม้ว่า cc จะมากกว่าไม่ชื่อลองถามคนที่เคยใช้หรือที่ใช้อยู่ดู มาเข้าเรื่องความร้อนของเราต่อดีกว่า ความร้อนในเจ้านังอ้วนของเราเกิดขึ้นได้มากมายหลายสาเหตุโดยเฉพาะกับรถที่มีอายุมากกว่า 10  ปี   
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2009, 08:13:50 AM »

สาเหตุหลัก ๆ ได้แ
1  หม้อน้ำรั่ว ตัน
2  ท่อน้ำรั่ว แตก หมดสภาพ
3  ท่อทางน้ำเป็นสนิมรั่ว
4  o ring ทางเข้า heater รั่ว
5  thermostat  หรือวาล์วน้ำชำรุด รั่ว ไม่ทำงาน
6  ตาน้ำรอบเครื่องยนต์เป็นสนิมรั่ว
7  ปั้มน้ำรั่ว
8  viscous พัดลมหน้าเครื่องยนต์หมดสภาพ
9  หม้อพักน้ำ ฝาหม้อพักน้ำ รั่ว หรือรักษาแรงดันไม่ได้
10 พัดลมไฟฟ้าของระบบแอร์ไม่ทำงาน ทั้ง 2 speed
11 ไล่ลมน้ำไม่ถูกต้องตาม manual
12 ปะเก็นฝาสูบรั่วหรือฝาสูบโก่ง
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2009, 09:46:53 PM »

เอาอีกครับเอาอีกหายหน้าหายตาไปนาน กลับมาชกหนักๆหน่อยนา ยิ้มเท่ห์ ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 09:02:39 PM »

การ overheat ของเครื่องยนต์ส่งผลเสียต่ออะไรบ้าง มาลองดูกันครับ  แหวนลูกสูบ ลูกสูบ ผนังกระบอกสูบ  ฝาสูบ เสื้อสูบ โดยส่วนมากแล้วรถที่อยู่ได้มาถึงวันนี้แทบจะทุกคันก็ว่าได้ ที่เคย overheat มาแล้ว น้อยคันนักที่ยังไม่เคยเปิดฝาสูบมาเลย   ปัญหาความร้อนเป็นปัญหาหลักของรถยุโรปทุกค่ายก็ว่าได้ เพราะอะไรหรือครับ เพราะว่ารถยุโรปนั้นรถบบพัดลมไฟฟ้าส่วนมากแล้วจะไปอ้างอิงเอาจากแรงดันของน้ำยาแอร์เป็นหลัก ถ้าน้ำยาแอร์ขาดพัดลมไฟฟ้า speed 2 ก็จะไม่ทำงาน ผิดกับของทางค่ายญี่ปุ่นของเขานำไปอ้างอิงกับความร้อนของน้ำ โดยใช้ตัวเทอร์โมเป็นตัวควบคุมดังนั้นจะแน่นอนกว่าใช้แรงดันของน้ำยาแอร์
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 12:52:30 PM »

     การ overheat ของเครื่องยนต์ถ้าแก้ไขหรือซ่อมแซมอย่างไม่ถูกต้องตามหลักการแล้ว ก็จะทำให้ท่านต้องสูญเสียเงินมากขึ้นกับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ทั้งเครื่องโดยไม่จำเป็น ฉะนั้นการซ่อมแซมหรือการบำรุงรักษาในเรื่องระบบน้ำหล่อเย็นจึงมีความจำเป็นและสำคัญมาก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องใช้ช่างที่เป็นผ้ชำนาญงานในด้านนี้จริง ๆ
     หม้อน้ำรถยนต์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ หากมีการรั่วซึมก็ดี การระบายความร้อนไม่ดี ก็ทำให้เกิดความร้อนขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อหม้อน้ำที่ติดมากับรถเกิดการชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะฝาครอบด้านบนและฝาครอบด้านล่าง จะเป็นพลาสตืก ดังนั้นเมื่อมีการรั่วซึมจากฝาพลาสติกนี้ส่วนมาแล้ว ช่างก็จะแนะนำให้ท่านเปลี่ยนหม้อน้ำเดิม ๆ เป็นหม้อน้ำที่ทำขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นไส้ทองแดง ถามว่าหม้อน้ำทองแดงกับหม้อน้ำตัวเดิมแตกต่างกันตรงไหน ดีต่างกันอย่างไร ก็มาดูกันครับว่า หม้อน้ำที่ติดรถมานั้นไส้ในเป็นอลูมิเนียมทั้งใบ แล้วมันดีตรงไหนในเมื่อมันเป็นหม้อน้ำเหมือนกัน ทำหน้าที่ระบายความร้อนเหมือนกัน  ถ้ามองกันให้ลึก ๆ แล้วถ้าเปรียบเทียบระหว่างทองแดงกับอลูมิเนียม อะไรที่นำพาความร้อนได้ดีกว่ากัน คำตอบก็จะอยู่ที่อลูมิเนียมครับ ทองแดงนั้นรองลงมา ถ้ามองดูว่าทำไมรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ผลิตออกมาใช้ในทุกวันนี้แทบจะทุกค่ายใช้อลูมิเนียมหมด เพราะอะไรครับ มีอยู่หลาย ๆ เหตุผลครับ
     ระบายความร้อนได้ดีกว่า
     อายุงานการใช้ที่ยาวกว่า
     การบำรุงรักษาง่ายกว่าา
     
     ดังนั้นสรุปง่าย ๆ ว่าถ้ารถของท่านได้เปลี่ยนหม้อน้ำที่เป็นไส้ทองแดงมาแล้วและความร้อนก็ยังคงมีอยู่่ ก็ให้ท่านนึกถึงหม้อน้ำไปก่อนเลยอันดับแรก ทางที่ดีแล้วควรจะนำตัวหม้อน้ำที่ติดรถมาไปทำฝาบนกับฝาล่าง เป็นอลูมิเนียมแล้วใส่กลับเข้าไปจะดีที่สุดครับ อายุการใช้งานอีกยาวนาน ถ้าเป็นหม้อน้ำไส้ทองแดงไม่เกิน 2 ปี ก็จะรั่วอีกครั้งหนึ่งครับไม่เชื่อก็ลองดู
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 01:03:09 PM »

     บางท่านซื้อรถมาแล้วเปลี่ยนทุกอย่างในระบบไปแล้ว เปลี่ยนเครื่องยนต์ไปแล้วแต่ความร้อนยังคงมีอยู่เพราะอะไร เป็นเพราะการวิเคราะห์ปัญหาของช่างนั้นไม่ละเอียดเพียงพอและไม่มีความชำนาญพอดถึงต้องทำให้ท่านต้องเสียเงินไปอีกมากมายทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นเลย  ดังนั้นการจะดูว่ารถยนต์ของท่านนั้น overheat จริงหรือไม่นั้น ช่างผู้วิเคราะห์ ก็มีส่วนสำัคัญทีสุด การนำเครื่องมือพิเศษมาช่วยวิเคราะห์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม
     การ diagnostics โดยการ real time ในระบบความร้อนจะทำให้เราได้ข้อมูลที่แท้จริงว่าความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความร้อนที่แท้จริงประการใด ในหลักการแล้วในระบบความร้อนรถยนต์โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว normal tempreature  หรือความร้อนปกติในรถยนต์จะอยู่ประมาร 85 c' จะบวกหรือลบก็ไม่น่าจะเกิน 5 c ดังนั้นถ้าอ่านได้เกินกว่า 110 c ก็จะถือว่าค่าความร้อนตัวนี้เกินกว่า spec ดังนั้นก็ควรจะตรวจเช็คตามขั้นตอนต่อไป ถ้าอยากให้คนรักษ์เร้นจ์เขียนวิธีการตรวจเช็คตามลำดับขั้นตอนก็จะทำให้นะครั้บแต่ถ้าไม่ต้องการเราก็จะข้ามไปเขียนเรื่องอื่นต่อไป่ครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 12:18:47 AM »

กลับมาแล้วเหรอพี่ๆๆๆๆๆ นึกว่าจะลืมกันซะแล้วววว ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 06:16:46 PM »

มาต่อกันเลยดีกว่าครับเมื่อมีความร้อนขึ้นกับนังอ้วนเราควรที่จะทำอะไรอย่างไรก่อน
1 ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในถังพักน้ำให้อยู่ระดับกลางตรงรอยตะเข็บพอดี หากตรวจดูแล้วน้ำไม่อยู่ในระดับนี้หรือไม่มีเลยก็ควรจะทำการตรวจหารอยรั่วต่อไป
    ตรวจสอบรอยรั่วที่ท่อยางทุกเส้น หากพบรอยรั่ว หยด ซึม ควรแก้ไข หรือเปลี่ยนใหม่ หากท่านซื้อรถมาใหม่ ควรตรวจสอบท่อยางทุกเส้นก่อนเป็นอันดับแรก หากมีรอยแตกลายงา หรือสภาพเก่ามากแล้วก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ดีกว่า เพื่อเป็นการป้องกันก่อนเบื้องต้น
    ตาน้ำรอบเครื่องยนต์ หากตรวจสอบพบตาน้ำรอบเครื่องยนต์มีผุ กร่อน มีน้ำหยดซึมออกมา ถ้าตรวจพบตัวเดียวและเปลี่ยนตัวเดียวนั้นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะหากว่าสนิมได้กัดกินเหล็กตาน้ำตัวนี้รั่ว ดังนั้นตาน้ำตัวอื่น ๆ ก็สมควรที่จะเปลี่ยนในเวลาเดียวกัน เพราะหากท่าเปลี่ยนเพียงตัวเดียวแล้ว ใช้รถไปอีกไม่นานก็ต้องไล่เปลี่ยนไปจนครบทุกตัวเช่นกัน หรือบางทีอาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนเครื่องยนต์ก่อนก็อาจะเป็นไปได้ตาน้ำรอบเครื่องมีทั้งหมด ด้านซ้าย 3 ตัวด้านขวาอีก 3 ตัว หลังเครื่องยนต์อีก 2 ตัว รวมตรงเพลาลูกเบี้ยวอีกหนึ่งตัว ส่วนที่ฝาสูบจะมีด้านหน้า 1 ตัว และด้านหลังอีก 1 ตัว และประการสำคัญถ้าหากจะเปลี่ยนตาน้ำรอบเครื่องทั้งหมดแล้ว ขอแนะนำว่าท่านควรจะเปลี่ยนเป็นตาน้ำทองเหลืองไปเลย เพื่อเป็นการป้องกันในอนาคตที่จะเกิดปัญหานี้กับเครื่องยนต์อีก เพราะตาน้ำทองเหลืองไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งานครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 06:30:10 PM »

การเปลี่ยนตาน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเช่นกัน เพราะต้องยกเครื่องยนต์ออกมา เนื่องจากยังมีตาน้ำอยู่ท้ายเครื่องอีก 3  ตัว ถ้าไม่ยกเครื่องยนต์ออกมาก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด หรืออีกทางหนึ่งก็ยกเกียร์ออกแต่ก็ติดปัญหาตาน้ำที่ฝาสูบอีก สรุปแล้วยกเครื่องยนต์ออกดีที่สุด แต่ถ้าได้ยกเครื่องยนต์ออกมาแล้วก็ไม่ควรที่จะเปลี่ยนตาน้ำเพียงอย่างเดียวควรตรวจเช็คหรือเปลี่ยน seal ท้ายเครื่องยนต์และ seal หน้าเกียร์เมนไปพร้อมกันเลยเพราะท่านจะเสียค่าแรงยกเครื่องยนต์เพียงครั้งเดียว และควรจะตรวจสอบรอยรั่วน้ำมันเครื่องยนต์ตามจุดต่าง ๆ ปะเก็นต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันเลยซะทีเดียว มิฉะนั้นนแล้วจะต้องกลับเข้ามาทำอีกในอนาคตอันใกล้
     หลังจากตรวจตาน้ำไปแล้วก็ไปตรวจสอบหม้อน้ำหน้าเครื่องยนต์ว่ามีรั่วซึมหรือไม่ประการใด อันนี้มองได้ด้วยตาเปล่าครับ
     thermostat หรือวาล์วน้ำที่ตรงด้านขวาของหม้อน้ำด้านล่างก็ต้องดูว่ามีน้ำรั่วออกมาจากตะเข็บหรือไม่ ถ้ามีก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ครับ
     ถังพักน้ำ  reserve tank ควรตรวจเช็คดูรอยแตกร้าว หากอยู่ในสภาพไม่ดี มีแตกลายงา หรือร้าว ก็สมควรที่จะเปลี่ยนใหม่
     ฝาถังพักน้ำก็มีส่วนสำคัญ เพราะหากฝาหม้อพักน้ำชำรุด  o ring ที่ฝาหม้อพักน้ำหายไป  1  หรือทั้ง 2 ตัวก็จะทำให้ระบบไม่สามารถควบคุมแรงดันน้ำในระบบได้ จะทำให้ความร้อนขึ้นสูง เพราะน้ำจะค่อย ๆ ไหลออกมาโดยที่ท่านไม่รู้ จนกระทั่งหมดถังพักน้ำ และเกิดการ overheat ในที่สุด
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 06:42:44 PM »

     ท่อน้ำตัว s ที่อยู่ที่ chassis ด้านขวา ก็ไม่สมควรมองข้ามเพราะส่วนมากก็จะผุไปตามสภาพ และท่อน้ำตัว s ตัวยาวอีก 1 ตัวด้านหน้าเครื่องใต้ไดชาร์จก็เป็นตัวก่อปัญหาเช่นกันเพราะไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกต้องมองดูอย่างละเอียดถึงจะเห็น หากท่อน้ำทั้งสองตัวนี้รั่วแล้วก็สมควรเปลี่ยน เพราะของแท้เดิม ๆ นั้นเป็นเหล็ก แต่ส่วนมากแล้วทางบ้านเร้นจ์จะเปลี่ยนเป็นท่อ stainless ไปเลยเพื่อตัดปัญหาการผุกร่อนรั่วในอนาคต
     o ring ที่ตู้ heater ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่มองไม่เห็น เพราะถ้า o ring heater รั่วแล้ว ช่างทั่ว ๆ ไปก็จะตัดท่อ heater ทั้งสองเส้นออกไป คือจบปัญหาเรื่องน้ำรั่วแต่จะไปเพิ่มปัญหาที่ระบบแอร์ครับ อันนี้ต้องไปอ่านที่ระบบair condition นะครับว่าทำไมแอร์รถของท่านถึงเย็นไม่ฉ่ำ เย็นแบบชืด ๆ
     ปะเก็นท่อร่วมไอดีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่น้ำรั่วซึมหายไปได้
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net Valid XHTML 1.0! Valid CSS!