Rangeroverhouses.com Forum
มกราคม 12, 2025, 05:17:58 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: SMF - Just Installed!
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: RANGEROVER P38 (1995-2001) TOP TEN SERIOUS CASES  (อ่าน 72786 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #30 เมื่อ: กันยายน 09, 2011, 09:27:36 PM »

     มีรถหลายคันที่ไฟไหม้เกิดจากสาเหตุตัวกรองไอเสียตัน ดังนั้นไม่ควรมองข้ามตัวนี้นะครับ เขียนมาถึงครึ่งทางแล้วครับ ตอนนี้ถึง top five แล้วก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นมาอีกครับสำหรับอีก 5 อย่างที่เป็นปัญหาของเราที่เจ้าของรถควรที่จะรู้ ลองนึกดูครับว่าอันดับที่ 4 จะเป็นระบบใดครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #31 เมื่อ: กันยายน 10, 2011, 09:11:22 PM »

     อันดับที่ 4 high pressure brake hose
    
     จั่วหัวขึ้นมาแบบนี้ก็คงจะรู้แล้วว่าเป็นระบบเบรค ซึ่งในระบบเบรคของนังอ้วนนั้น เป็นระบบ abs ที่ทางวิศวกร land rover ได้ออกแบบมาอย่างลงตัว สามารถเบรคด้วยความมั่นใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ มีส่วนประกอบหลึก ๆ ก็จะประกอบไปด้วย
     abs booster
     abs pump
     accumulator
     abs ecu
     abs sensor
     ถ้าจะคุยกันในเรื่อง เบรค abs ทั้งหมดแล้วก็ดูว่าคงจะยาว เอาเป็นว่าเข้าใจง่าย ๆ ว่า abs นั้นมีหน้าที่ทำให้เบรคไม่ล็อคตายเวลาเหยียบเบรคกระทันหันในช่วงความเร็วสูง มันจะมีหน้าที่คอยสั่งให้ผ้าเบรคจับ ปล่อย สลับกันไป  จนกว่ารถจะหยุดเพื่อป้องกันการลื่นไถล หรือเสียการทรงตัว
    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2011, 04:26:11 PM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #32 เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 09:07:10 PM »

     ต้องขอโทษเพื่อนสมาชิกที่ติดตามอยู่ ตอนนี้กำลังจะเปิดบ้านหลังใหม่อยู่ก็เลยยุ่ง ๆ เลยไม่ไ้ด้เข้ามาเขียนต่อต้องขออภัยไว้ด้วยครับ เดี๋ยวเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วก็จะกลับมาเขียนต่อนะครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 01:35:37 PM »

สำหรับเจ้า high pressure brake hose ตัวนี้ถ้าแปลกันตรง ๆ ตัวแล้วก็คือท่อแรงดันสูงน้ำมันเบรค เจ้าตัวนี้จะต่ออยู่ระหว่าง abs pump กับ abs booster ที่เจ้าตัวนี้มีปัญหาของเขาก็เพียงแต่ว่ารั่วตามสภาพการใช้งาน ส่วนมากแล้วก็ประมาณ 5-7 ปีต่อการเปลี่ยนหนึ่งครั้ง ในการรั่วของเขาเนื่องจากว่าเป็นท่อแรงดันสูงดังนั้นน้ำมันเบรคจะถูกฉีดออกไปแบบทุกทิศทุกทาง ทำให้น้ำมันเบรคซึ่งไวไฟอยูแล้ว ลงไปโดนท่อไอเสียซึ่งอยู่ด้านล่าง จึงทำใหเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นในจุดนี้และลุกลามไปใหญ่โต ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดไฟไหม้รถจึงต้องมีการหาทางป้องกันในจุดนี้ โดยการร้อยเข้าไปในท่อยางอีกหนึ่งชั้น เพื่อป้องกันการรั่วลงไปโดนท่อไอเสีย ก็เป็นการป้องกันอีกวิธีหนึ่งที่เห็นผลมาก รถเร้นจ์โรเวอร์ในบ้านเร้นจ์ทุกคันต้องผ่านการร้อยท่อนี้ทั้งหมดเพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดนขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 01:42:04 PM »

ถามต่อกันอีกว่าไอ้เจ้าท่อแรงดันสูงน้ำมันเบรคนี้มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องขอตอบเลยว่ามันมีความสำคัญมากมายในระบบเบรคของนังอ้วนนี้ เมื่อตอนที่รถรุ่นนี้ออกมาใหม่ ๆ ทางศูนย์บริการได้มีการเรียกรถกลับ recall เพื่อมาเปลี่ยนท่อแรงดันน้ำมันเบรคนี้ทุกคัน  ดังนั้นรถทุกคันที่ผลิตในปี 1995 จะถูกเรียกกลับมาเปลียนในปี 1996 ทุกคันครับ

ทำไมทางโรงงานผู้ผลิตจึงไม่หาทางป้องกันให้ได้ดีกว่าเปลี่ยนท่อเส้นใหม่ นี่ก็เป็นอีกคำถามหนึ่งในใจของผู้เขียน ดังนั้นถ้าหากท่านใช้รถรุ่นนี้อยู่ก็ควรจะตรวจสอบสภาพของท่อเส้นนี้ให้คงสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เพราะเราไม่รู้ว่าท่อจะแตกเมื่อไร แต่ถ้าแตกแล้วเมื่อใด ถ้าไม่มีอะไรป้องกันขอบอกได้เลยครับว่า ไฟไหม้รถทุกคัน
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 01:54:11 PM »

อันดับที่ 3 main fuse box

     ถ้าจะพูดถึงเรื่องระบบไฟฟ้าในรถยนต์แล้ว เจ้ากล่องฟิวส์ในรถยนต์นั้นมีอยู่ในรถยนต์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ไม่มีรถยนต์คันไหนไม่มีกล่องฟิวส์  ทำไมมันถึงได้มีความสำคัญมากมายนักหนา ถ้ามองถึงระบบไฟฟ้าแล้ว ง่าย ๆ เลยก็ลองคิดดูว่า ต้องมีแบตเตอรี่แน่นอน หลังจากแบตเตอรี่ก็จะต้องเป็นกล่องฟิวส์ relay นี่แหละ แล้วหน้าที่ของมันทำหน้าที่อะไร ทำไมถึงไม่มีกล่องฟิวส์ไม่ได้ ถ้ารถยนต์ไม่มีกล่องฟิวส์ เมื่อใดก็ตามถ้าเกิดมีการลัดวงจรไฟฟ้าขึ้นภายในรถยนต์ เมื่อนั้นรถยนต์ของท่านก็จะโชติช่วงชัชวาลย์เป็นเศษเหล็กในไม่นานนัก ดังนั้นหน้าที่ของกล่องฟิวส์ก็คือตัวตัดวงจรไฟฟ้าในขณะที่มีการลัดวงจร เมื่อใดก็ตามเมื่อมีการลัดวงจร ฟิวส์ก็จะขาด เมื่อฟิวส์ขาดก็จะไม่มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าไปในระบบของระบบนั้น ทำให้รถชองท่านไม่ต้องอยู่ในนาทีฉุกเฉิน ข้อควรระวังของการเปลี่ยนฟิวส์ ห้ามเปลี่ยนฟิวส์มากกว่าที่ระบุ หากระบุว่าให้ใส่ 10 a ก็ควรปฏิบัติตามนั้น ไม่ควรนำฟิวส์ 20 30 40 ไปใส่แทน เพราะถ้าเกิดการลัดวงจรจริง ๆ ฟิวส์เกิดไม่ขาดก็เท่ากับว่าสายไฟจะร้อนและไหม้ในที่สุด
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 02:08:28 PM »

ความสำคัญของเจ้ากล่องฟิวส์ตัวนี้ ซึ่งในนังอ้วนนั้นมีเพียงกล่องเดียวอยู่ที่ใต้ฝากระโปรงตรงซุ้มล้อด้านคนขับ ติดกับหม้อพักน้ำ ไอ้ปัญหาที่เกิดกับกล่องฟิวส์นั้นนอกจากที่ใช้ไปนานานแล้วขาหนีบ ตัวrelay สีเหลือง ที่ส่วนมากจะเสียก็ของ  Rl 6 Rl 7 สีเหลืองสองตัวนี้เท่านั้น เพราะจะใช้กระแสสูงและตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ติด จะทำให้ขาของเจ้า รีเลย์สองตัวนี้ไหม้ตลอด ดังนั้นเมื่อเจ้ารีเลย์สองตัวนี้ไหม้ ก็จะมีปัญหากับระบบแอร์ ทำให้แอร์ไม่เย็น blower ทั้งซ้ายและขวาจะไม่ทำงาน

และในอีกประเด็นหนึ่งเนื่องจากกล่องฟิวส์ของรุ่นนี้ค่อนข้างที่จะบอบบางมากและการติดตั้งยังอยู่ที่ในห้องเครื่องยนต์อีก จึงทำให้ได้รับความร้อนจากห้องเครื่องยนต์เต็ม ๆ อายุการใช้งานจึงสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ในจุดด้านล่างของกล่องฟิวส์จะมีนัทเบอร์สิบ ยึดสายไฟ main อยู่ 3 เส้น ลองสำรวจดูถ้าเสาหลักคลอนได้ แสดงว่าขั้วสายไฟหลุดแล้วให้เปลี่ยนใหม่

ส่วนในอีกประเด็นหนึ่งเนื่องจากติดตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับหม้อพักน้ำ ดังนั้นเวลาเครื่องยนต์ overheat น้ำจากหม้อพักน้ำจะถูกพ่นเข้ามาใส่เต็ม ๆ ถ้ากล่องฟิวส์ไม่สมบูรณ์ แตกหัก แตกร้าว ก็จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #37 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 02:16:41 PM »

อันดับที่ 2 heating and ventelating

เห็นจั่วหัวมาก็เสียวอีกแล้วเห็นมีความร้อนเข้ามาเกี่ยวอีกแล้ว ระบบนี้ถ้าเรียกกันตรง ๆ แล้ว ก็คือระบบแอร์ทำความเย็นในรถยนต์เรานี่แหละครับ เพียงแต่ว่าในรถยนต์ที่ผลิตในยุโรปหรือใช้ในโซนนี้นั้นต้องมี heater ทำความร้อนรวมอยู่ด้วยครับ เพราะในยุโรปจะหนาวมากจึงต้องใช้ระบบนี้เข้ามาช่วย ในบ้านเรานั้นซึ่งเป็นเมืองร้อนก็คงจะไม่จำเป็นสักเท่าใดนัก แต่ด้วย ตาม spec ที่เราสั่งซื้อรถรุ่นนี้เข้ามา ดันเป็น UK spec จึงต้องมีเข้ามาด้วยครับ

ถ้าจะคุยกันถึงเรื่องระบบทำความเย็นกันแล้วจะยาวมากครับ เพราะเป็นอีกระบบหนึ่งที่สร้างปัญหาน่าปวดหัวให้กับเจ้าของรถอย่างมากมาย อากาศก็ร้อนรถก็ติดแอร์ก็ไม่เย็นอีก เป็นปัญหาที่เจ้าของรถทุกคนไม่อยากให้มันเกิด แต่มันก็เกิดบ่อยมาก เพราะอะไร ทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนี้เราจะมาคุยกันในรายละเอียดคงสนุกน่าดูครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #38 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2012, 08:45:48 AM »

ระบบแอร์ในนังอ้วนนั้น ได้รับการออกแบบมาดีมากแล้วในขณะนั้น ถ้าพุดไปแล้วอายุนังอ้วนนั้น ปีนี้ก็เข้าปีที่ 17 เข้าไปแล้ว ก็พอสมควรกับการใช้งานมาถึงวันนี้ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ ก็คงจะมีเสื่อมตามอายุไปตามกาลเวลา ดังคำพระที่ว่า สังขารไม่เที่ยง  อย่าไปยึดเกาะติดกับสิ่งสมมุติทั้งหลายทั้งปวง ที่เขาสมมุติว่าเรามี สมมุติว่าเราเป็น ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อ้าววกไปหน่อยนึงต้องขออภัยครับ กลับมาระบบแอร์ของเราดีกว่าครับ ในระบบแอร์ของนังอ้วนนั้นก็จะประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก ๆ เหมือนกับระบบแอร์ในรถยนต์ทุกรุ่นที่ใช้กันอยู่นี้แหละครับ ไม่มีอะไรที่พิเศษกว่ายี่ห้ออื่นเลย แต่เนื่องจากมีการใช้อีเล็คทรอนิคส์เข้ามาร่วมด้วยในการ control ของระบบก็เลยดูทำให้ยุ่งยากในการซ่อมแซมพอสมควร ถ้าไม่มีการ diagnostics ด้วย computer แล้ว จะหาความแม่นยำยากว่าอะไรเสีย นอกเสียจากว่าน้ำยาแอร์ขาด หน้าคลัชไม่ทำงาน นั้นพอจะเช็คได้อยู่
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #39 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2012, 08:55:21 AM »

อุปกรณ์หลัก ๆ ในระบบแอร์นั้น มีตามนี้ครับ

ตู้แอร์ evaporator ของรุ่นนี้ได้ถูกติดตั้งมาอยู่ตรงกลางรถพอดี ดังนั้นเวลาที่จะต้องเปลี่ยนตู้แอร์ก็ต้องยก facia ออกแล้วถึงจะทำการเปลี่ยนตู้แอร์ได้ เมื่อกล่าวถึงตัว facia เองมาถึงเวลานี้มันก็กรอบแตกหักเมื่อเราทำการรื้อออกมาก็สร้างปัญหาปวดหัวกับการแตกหักของอุปกรณ์พล่าสติก ไม่ว่าจะเป็นครอบเรือนไมล์ แผงสวิทซ์กลาง ฝาครอบกลาง แม้แต่รางแอร์ใต้ตัวfacia เองก็หมดสภาพ แม้แต่ facia เองก็หมดสภาพเช่นกัน โก่งขึ้น งอลง ดังนั้นจึงสมควรที่จะเปลี่ยน แต่ด้วยสนนราคาของใหม่นั้นค่อนข้างสูง หลาย ๆ คนจึงหันมามองของมือสองก็พอจะหาได้อยู่บ้างครับในราคาที่รับได้

บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #40 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 09:10:58 AM »

ตู้ heater ก็จะถูกรวมอยู่ในตู้นี้ด้วย สำหรับนังอ้วนนี้นั้น จะถูกออกแบบมาให้มีใช้ทั้งระบบความร้อนและระบบความเย็นรวมกันอยู่และจะต้องพึ่งพาอาศัยกันแยกกันอยุ่คนละห้อง ห้องร้อนและห้องเย็น มีเพียง flap ปิดกั้นอยู่เท่านั้น flap นี้สามารถเปิดปิดได้ตามคำสั่งของ ecu control ว่าต้องการความเย็นมากน้อยขนาดใด flap ก็จะถูกสั่งให้เปิดปิดที่รับคำสั่งมาโดยตรง ไอ้เจ้าตัวนี้แหละครับที่ในระบบแอร์มีปัญหามากมาย เดี๋ยวเราไปคุยกันในรายละเอียดของไอ้เจ้าตัวนี้กัน ตู้ heater นี้นั้น ตัวของมันเองก้มีลักษณะคล้ายตู้แอร์นั่นแหละครับต่างกันก็เพียงแต่ตูแอร์นั้นน้ำยาแอร์ผ่านไปที่ตู้แล้วให้พัดลมเป่าความเย็นออกมา แต่ตู้ Heater นั้นใช้น้ำจากระบบระบายความร้อน เรียกง่าย ๆ ว่าน้ำในหม้อน้ำนั่นเอง นำมาผ่านตู้อยู๋ตลอดเวลา เวลาจะใช้ก็เพียงแต่มีลมมาเป่าให้ความร้อนออกมาเท่านั้นเอง แล้วจะมีไว้เพื่ออะไรในเมื่อเมืองไทยร้อนจะตาย มันเป็น std ครับ ในประเทศที่อากาศหนาวเย็นจำเป็นต้องใช้มันมาก ครับ แต่ในเมืองไทย กลับสร้างปัญหามากมาย โดยส่วนมากแล้ว นังอ้วนในวันนี้นั้นแทบจะทุกคันได้ถูกตัดทิ้งออกไปแล้วเสียเป็นส่วนใหญ่ การตัดทิ้งนี้ก็เพราะตู้จะรั่วบ่อยตรงช่วงท่อเข้ากับท่อออกที่ทางเข้าตู้ซึ่งจะใช้ O RING และการซ่อมแซมเวลาที่รั่วทำได้ยากมาก ก็เลยเอาง่าย ๆตัดทิ้งซะเลย แต่การที่ตัดทิ้งออกไปก็ต้องตัดอย่างฟถูกวิธีด้วยครับ ไม่งั้นปัญหาเกิดตามมาอีก
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #41 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 07:27:54 AM »

blower ซ้าย กับขวา ก็คอยทำหน้าที่เป่าลมให้กับคอยล์เย็น เมื่อลมถูกเป่าออกมาที่คอยล์เย็นแล้ว ความเย็นก็จะกระจายมาตามช่องทางเดินลม มาออกตามทิศทางลมที่ถูกกำหนดไว้ การที่จะทำให้พัดลมแอร์นั้นหมุนเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการปรับที่หน้าจอแอร์ ปัญหาหลัก ๆ ของเจ้า blower นั้น ส่วนมากจะเสียที่ขั้วทางเข้าซะมากกว่าเนื่องจากความร้อนที่ถูกใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ตลอด ๆ ทำให้เจ้าขั้วที่เข้านี้ไหม้ และไม่ทำงาน ตัวมอเตอร์เองก็มีไหม้เหมือนกัน ส่วนวงจรควบคุม electronics นั้น ก็จะถูกประกอบไปด้วย Diode เมื่อถูกใช้งานไปนาน ๆ ก็จะเสื่อมสภาพ faults จะถุก memory เก็บไว้ใน ecu และจะถุกค้นพบโดย diagnostics computer  แต่ส่วนมากแล้วปัญหาที่พบในระบบนี้ก็คงจะได้แก่ relay สีเหลือง  2 ตัว ในกล่องฟิวส์หน้าเครื่องยนต์  RL 6 RL7 จะไหม้อยู่เป็นประจำเนื่องมาจากความร้อน ตัว relay เองเมื่อถูกใช้งานไปนาน ๆ ก็จะร้อน เมื่อเกิดความร้อนขาที่เสียบ relay ก็จะอ้าเมื่อเกิดการอ้า ก็เกิดการ arc ขึ้น แล้วก็ไหม้ในที่สุด  สุดท้ายแล้วก็ต้องเปลี่ยนกล่องฟิวส์ก็ด้วยสาเหตุนี้เป็นหลักครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #42 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 07:48:16 AM »

blend motor เป็นภาษาทางการสำหรับเจ้า sensor ตัวนี้ หน้าที่หลัก ๆ ของมันเลยก็คือคอยเปิดปิดทิศทางลมแอร์ ให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ set นี้จะมีกัน 3 ตัว เจ้าตัวแรกจะชื อว่า distribution motor เจ้าตัวนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางลม เป่าเข้าหน้า เท้า กระจก เจ้าตัวนี้จะเป็นตัวควบคุม จะถูกติดตั้งอยู่ที่ตู้แอร์ด้านขวา เจ้าตัวนี้จะทำหน้าที่ในเรื่องความเย็นเพียงอย่างเดียว ส่วนอีก 2 ตัวนั้น ก็คือ blend motor RL เจ้าสองตัวนี้จะทำหน้าที่เปิดปิดห้องร้อนเพื่อให้เจ้าลมในห้องร้อนนั้นออกมาผสมกับห้องเย็นเพื่อปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นตามต้องการครับ เมื่อเจ้าท่อ heater ถูกตัด น้ำร้อนที่เข้ามาหล่อเลี้ยงตัวตู้ได้ถูกตัดออกไปทำให้ไม่มีความร้อนเข้ามาในตู้ ดังนั้นเจ้าสองตัวนี้ก็จะไม่ทำงานหรือทำงานผิดพลาด ดังนั้นรถบางคันนั้นเย็นจนหนาวก็จะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเราไม่สามารถกำหนดตัวอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้ โดยที่ตัวท่านเองไม่ได้สังเกตุ ติดเครื่องได้แอร์เย็นก็ไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว อุณหภูมิภายในห้องโดยสารนั้น ไม่สามารถถูกปรับไปได้ ไม่เชื่อลองปรับอุณหภูมิไปที่ HI ดูสิครับว่าอุณหภูมิภายในห้องโดยสารจะร้อนขึ้นหรือไม่

มีอีก 2 ตัวครับสำหรับเจ้าตัว มอเตอร์ที่ใช้เปิดปิด เจ้าสองตัวนี้จะเกาะอยู่ที่ด้านข้างของเจ้า blower นั่นแหละครับ มีไว้เพื่อเวลาที่เราจะเปิด หรือปิดอากาศภายนอก หรืออากาศภายในให้หมุนวน เจ้าสองตัวนี้จะทำงานครับ ถ้าสังเกตุง่าย ๆ เวลาที่เราติดเครื่องยนต์แรก ๆ จะได้ยินเสียงมอเตอร์สองตัวนี้ทำงานครับ

ถามมาว่าถ้าไม่มีเจ้าตัวพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้องระบบจะทำงานได้หรือไม่ ได้ครับ เพียงแต่ว่าต้องตัดออกให้เป็น manual ทั้งหมดเอาให้เหมือนกับ discovery เลยก็ได้ครับ ก็จะไม่สร้างปัญหากับเราดี icon book ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอแอร์ด้านล่างขวานั้นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าระบบแอร์ของท่านนั้นผิดปกติอยู๋ ถ้าระบบปกติแล้วรูปหนังสือนี้จะไม่มีโชว์ขึ้นมา ด้งนั้นการที่จะรู้ว่าระบบแอร์ผิดปกติอะไรนั้น ถ้าจะให้เร็วและแม่นยำก็คงต้องใช้ diagnostics computer เข้ามาตรวจเช็คดู แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #43 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 08:07:59 AM »

ในเมื่อถูกพูดถึงเจ้า blend motor ไปแล้วก็คงจะต้องพูดถึงเจ้าตัว control ไปเลยทีเดียว ระบบแอร์ของนังอ้วนนั้น เป็นระบบที่เรียกว่า fully electronics จะใช้ไฟฟ้าเข้ามาในการทำงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบที่ทำงานเองหลังจากที่เครื่องยนต์ถุก start ไปแล้ว ภายใน 3 วินาทีคอมแอร์จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ เขาออกแบบระบบนี้มาก็เพื่อเวลาที่เราติดเครื่องยนต์นั้น แบตเตอรี่ และไดสตาร์ท จะรับภาระอันหนักหน่วง เพราะจะต้องเอาชนะกับ load ที่ตัวเครื่องยนต์ทั้งหมด ดังนั้นจึงได้ตัดระบบแอร์ออกไปเพื่อลดภาระอันหนักหน่วงนี้ ส่วนมากแล้วเราจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก แต่ถ้าสังเกตุกันดีดีแล้ว ไดสตาร์ทที่ชำรุดเสียหาย อายุการใช้งานสั้น ไหม้ ก็มาจากสาเหตุที่รับภาระหนักเกินไปทั้งนั้นครับ ถูกเถียงกันมากระหว่างเจ้าสามตัวนี้ว่าใครจะเสีย ระหว่างเจ้า ได้ชาร์จ ไดสตาร์ท กับแบตเตอรี่ เวลาที่รถสตาร์ทไม่ติดเราจะต้องนึกถึงร้านไดนาโมใช่ไม๊ล่ะครับ พอสตาร์ทติดแล้ว แบตเตอรี่จะต้องตกเป็นจำเลยตัวแรก หลังจากเปลี่ยนไปแล้วอีกไม่นานก็เป็นแบบนี้อีก   ไดชาร์จก็จะถูกตกเป็นจำเลยตัวต่อไป   หลังจากนั้นก็ยังเป็นอยู่อีก สุดท้ายแล้วก็เจ้าไดสตาร์ทตัวสุดท้ายนี่แหละครับจำเลยที่บางทีถูกมองข้ามไป ไดสตาร์ทนั้นก็มีอายุการใช้งานของมันเหมือนกัน ยิ่งถ้าใช้งานหนักก็จะชำรุดได้โดยง่าย ส่วนมากแล้วที่เสียก็ แปลงถ่านหมด solinoid เสื่อมสภาพ ขดลวดเสื่อมสภาพ ก็คงตองเอาใจใส่ดูแลกับเจ้าไดสตาร์ทตัวนี้ให้ดี มาก ๆ ครับเพราะว่าเมื่อสตาร์ทไม่ติดแล้นั้น ทางเลือกเดียวสำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้นั้นก็คือต้องพ่วงแบตเตอรี่ครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #44 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2012, 10:03:05 PM »

Air Compressor  ของนังอ้วนนั้นจะใช้ของ sanden s105 ก็เหมือนกับ air compressor ทั่ว ๆ ไปของรถยนต์ทุกรุ่นไม่มีอะไรแตกต่างมากมายเท่าไร ที่เสียอยู่บ่อย ๆ ก็เจ้าหน้าคลัชคอมแอร์ ที่ต้องเปลี่ยนกันอยู่บ่อย ๆ ของแท้จะแพงมากครับ เอาไปเทียบของ honda มาใส่ก็น่าจะทำให้ถูกลงได้ครับ

Air drier เจ้าตัวนี้จะทำหน้าที่กรองความชื้นในระบบครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net Valid XHTML 1.0! Valid CSS!