Rangeroverhouses.com Forum
มกราคม 11, 2025, 09:47:25 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: SMF - Just Installed!
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 ... 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Range rover L322(2002-2005) top ten serious cases  (อ่าน 102512 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« เมื่อ: ตุลาคม 13, 2012, 08:35:59 PM »

วันนี้บ้านคนรักษ์เร้นจ์คงจะได้กลับมาคึกคักอีกครั้งกับการกลับมานั่งคุยกันแบบนี้อีกของผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า คนรักษ์เร้นจ์ คนนี้ วันนี้มีข้อมูลมากมายในสมองของผู้เขียน ที่จะนำมาถ่ายทอดผ่านเป็นตัวหนังสือให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกหรือผู้ที่ใช้ range rover l322 ก็ดี หรือผู้ที่่กำลังจะหาซื้ออยู่ก็ดี จะได้นำไปเป็นข้อมูล guide line ในการหาซื้อรถ ในการเลือกรถ หรือในการซ่อมแซมบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี อย่างคนมีความรู้ที่จะซ่อมแซม วันนี้บ้านเร้นจ์ขอกราบขอบพระคุณท่านสมาชิกทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจให้เราได้มีโอกาสรับใช้ท่าน ในวันก่อนหน้านี้บ้านเร้นจ์ของเราได้ผ่านมรสุมมามากมาย และสุดท้ายในปีที่แล้วก็น้ำท่วม ได้รับความเสียหายแสนสาหัส จนวันนี้เราพร้อมที่จะอยู่คู่กับเพื่อนสมาิชิกต่อไป  เราจะทำหน้าที่ของเราต่อไป ให้สมกับปณิธานที่เราตั้งไว้ว่า เรามีแต่ให้ เราไม่ได้ให้ความรู้กับเพื่อนสมาชิกแต่เพียงอย่างเดียว แต่เรายังอยู่เป็นเพื่อนท่านในเวลาที่ท่านต้องการความช่วยเหลือทุกที่ทุกเวลา เพียงแต่ท่านมีเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ 081 8566932 เราอาจจะให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย ในเวลาทื่ท่านต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับรถยนต์ของท่าน หรือท่านไม่ได้ใช้ l322 ในbrand lane rover ก็ยินดีครับ สำหรับเพื่อนสมาชิก Range rover house  เรามีบริการ door to door services  เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง diagnostics ฟรีอยู่แล้ว  เสียเมื่อไหร่ก็แวะมา ถ้าไม่แวะมาเราก็จะแวะไปเองครับ


* DSC09034.jpg (103.38 KB, 640x427 - ดู 4395 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:28:35 AM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2012, 09:17:20 PM »

ที่จริงแล้วในกระทู้นี้ทางผู้เขียนเองตั้งใจเอาไว้ว่าจะเขียนเฉพาะเรื่องปัญหา l322 ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เท่านั้น แต่เนื่องจากบางท่านอาจจะยังไม่ได้เข้าไปอ่านอีกกระทู้หนึ่งของ l322 ทางผู้เขียนเองก็เลยขอกล่าวเพียงสังเขปสักนิดหน่อยว่าประวัติความเป็นมานของเจ้า l322 ตัวนี้มีความเป็นมาอย่างไร ก็คงจะต้องเริ่มกันเลยก็แล้วกันครับ แต่ต้องขอออกตัวก่อนครับว่าทุกคำที่เขียนออกมานี้ไม่ได้มี scrib ออกมาก่อนดังนั้นถ้าท่านอ่านแล้วไม่เข้าใจต้องขออภัยไว้ในที่นี้ด้วยครับ ก็มาว่ากันเลยครับก่อนที่จะมีตัวนี้ เจ้า range rover ตัวแรกที่ออกมาสร้างความฮือฮาให้แก่วงการรถยนต์ก็เห็นจะได้แก่ เจ้า range rover classic มีทั้ง 3 ประตู ช่วงสั้น ช่วงยาว และต่อมาในปี 1990 ขึ้นมาก็ได้ออกรุ่นที่่สุดหรูออกมา มีทั้ง vogue se vogue lse เป็นทั้ง coil spring และระบบ air suspension ให้เลือกแล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือกแบบใด  หลังจากนั้นต่อมาในปี 1995  p 38 หรือนังอ้วนของเราก็ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบและก็ได้รับคำยกย่องเป็น king of offroad ไปในปี ื1996 และในปี 1997 ปีนี้นี่เองที่เป็นจุัดเปลี่ยนของ range rover อย่างใหญ๋หลวง land rover uk ประสบกับภาวะขาดทุนมาโดยตลอดจนไม่สามารถพยุงตัวเองไปได้ จึงได้ขายกิจการให้กับค่ายรถยนต์ bmw ค่ายเยอรมันนีไปในปีนี้นี่เอง ดังนั้นรถยนต์ land rover ทุกรุ่นที่่ผลิตหลังจากปีนี้จึงเป็นการผลิตภายใต้การพัฒนาของทีม bmw ทั้งหมด ซึ่งก็จะมาเข้าเรื่องของเจ้า l322 พระเอกของเราพอดี เพราะเจ้า l322 ตัวนี้นี่เอง ที่เป็นรถยนต์ยี่ห้อ range rover ที่ถูกพัฒนาภายใต้ค่ายรถยนต์เยอรมัน รูปร่างจะออกมาเช่นไร ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ รถยนต์คันแรกของเจ้า l322 ถูกพัฒนาอยู่หลายปีจนในที่สุดปี 2002 ก็สามารถส่งออกมาขายได้ภายใต้ชื่อ new range rover กับรหัสตัวรถที่เราเรียกว่า l322 ตัวนี้แหละครับ


* Land_Rover-Range_Rover_2003_800x600_wallpaper_07.jpg (111.36 KB, 800x600 - ดู 3439 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:10:02 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 11:20:37 AM »

ไหน ๆ ก็ได้กล่าวถึงประวัติของเจ้า l322 มาแล้วก็เลยอยากจะให้ความรู้เกี่ยวกับเจ้า l322 ในรายละเอียดลึก ๆ ลงไปอีก เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกแฟนพันธุ์แท้ Range rover l322 เผื่อว่าใครเขาถามมาเราจะได้คุยกับเขาได้บ้างครับ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ

     "เร้นจ์โรเวอร์" ได้ถูกนำออกมาสู่ตลาดโลกเป็นระยะเวลาร่วมสามสิบปี เป็นการอยู่ในตลาดอย่างยิ่งใหญ่ ยาวนาน ไม่ว่าในส่วนหนึ่งส่วนใดของโลก เมื่อมีการพูดถึงรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นมา ชื่อของ "Range rover" จะต้องถูกยกขึ้นมากล่าวถึงเป็นอันดับแรกเสมอ ด้วยความโดดเด่นของระบบขับเคลื่อน และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์แฝงไว้ด้วยความละเมียดละไมงดงาม บวกกับความโอ่โถงสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ตามสไตล์อังกฤษ

     นาทีแรกที่ ดอน ไวแอท ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมวิศวกรผู้ออกแบบรถยนต์ Range rover ขึ้นมาใหม่แทนที่รถยนต์ยอดนิยม ที่มีเกียรติประวัติอันยาวนาน เช่น Range rover นั้นเขาถึงกับเอ่ยปากอกมากับผู้ใกล้ชิดทันทีว่า เขาและทีมงานรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจให้ปรับปรุงเจ้า p38 เพื่อให้คงภาพลักษณ์แห่งความเป็นราชันย์ของรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อชั้นนำเอาไว้ให้ได้

     โครงการดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 1996 โดยในระยะแรกของโครงการนั้น ยังเป็นการหาข้อมูลร่วมกันกับฝ่ายของ bmw ซึ่งในขณะนั้นก็กำลังค้นหาแนวทางให้กับ x5 อยู่เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ ส่งผลปรากฎให้มีบางอย่างของรถยนต์ทั้งคู่ ยังคงมีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกันอยู่บ้างเล็กน้อย แต่รายละเอียดสำคัญกลับแตกต่าง เช่น หลักการและแนวทางในการสร้างบุคคลิกภาพของ x5 นั้น ถูกวางให้เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นการใช้งานบนถนนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแตกต่างไปจากแนวทางของ Range rover โดยระยะเวลาที่ ดอน ไวแอท ได้รับมอบหมายมาให้ดำเนินการ มีเวลาเพียงแค่ 24 เดือนหรือเพียงสองปีเท่านั้น



* Land_Rover-Range_Rover_2011_800x600_wallpaper_0f.jpg (149.22 KB, 640x480 - ดู 3322 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:15:12 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 11:57:57 AM »

    
     ดอน ไวแอท เป็นชาวแคนาดา ได้เข้าร่วมงานกับ land rover ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 และสิ่งบันดาลใจสำหรับการออกแบบ Range rover ใหม่ของเขานั้น เป็นอิทธิพลมาจากแนวคิดของเครื่องเสียงชั้นนำที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการออกแบบทั้งรูปทรงภายนอกและภายในรถยนต์

     ฟิล ซิมมอน เป็นอีกหนึ่งในทีมวิศวกรผู้ออกแบบรถยนต์  Range rover ซึ่งทำงานอยู่ที่เมือง โซลิฮัลล์ ถิ่นกำเนิดของ land rover เมื่อ ดอน ไวแอท เดินผ่านโต๊ะทำงานของ ฟิล ซิมมอน เขาเห็นภาพของเรือแข่งที่ชื่อ Riva ถูกนำมาติดที่บอร์ดหน้าโต๊ะของ ซิมมอน ทำให้เขาพูดขึ้นมาว่าหลายส่วนของเรือ RIVA นี้ มีโอกาสถูกนำมาประยุกต์เข้ากับรูปทรงของRange rover ใหม่มากทีเดียว

     หากเป็นการออกแบบเรือที่มีคามเร็วสูง สิ่งที่นักออกแบบต้องทำกัน ก็คือ พยายามออกแบบให้ด้านหน้าเกิดความรู้สึกแข็งแกร่ง แต่เมื่อมองมาด้านข้างต้องใช้เส้นสายต่าง ๆ เข้ามาช่วยลดความแข็งแกร่งเปลี่ยนแปลงให้เป็นความเพรียวลม และรับรู้ได้ถึงความคล่องตัวและปราดเปรียว

     หลังจากผ่านการกลั่นกรองครั้งแล้วครั้งเล่า การหารูปลักษณ์แท้จริงของรถยนต์ภายใต้ชื่อรหัส l30 จึงมีการผลิตแบบจำลองขึ้นมาในขนาดต่าง ๆ โดยรูปทรงที่ได้รับการทดลองผลิตจำลองขึ้นมามากที่สุดเป็นรูปทรงที่พอจะกล่าวสรุปได้ว่า จุดเด่น ที่สอบผ่านคือรูปทรงด้านหน้าทั้งหลาย ไฟคู่หน้าเป็นรูปทรงกลม และฝากระโปรงที่มองดูคล้ายเปลือกหอย รวมทั้งแนวของฝากระโปรงที่เมื่อปิดลงไปให้สนิทแล้ว เส้นแนวนั้นจะอยู่ในระดับเดียวกับเส้นแนวเส้นด้านข้างของตัวะงและมือจับประตู ขณะที่ขอบกระจกและตัวกระจก ต่างถูกปล่อยทิ้งไว้ให้คงรูปทรงคล้ายกับ Range rover รุ่นแรกพอสมควร


* Land_Rover-Range_Rover_Autobiography_2004_800x600_wallpaper_03.jpg (138.21 KB, 800x600 - ดู 3426 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:19:38 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 12:16:30 PM »

     แบบจำลองที่ทดลองผลิตออกมาสำเร็จเป็นรูปร่างในช่วงปี ค.ศ. 1997 ทำให้ดอน ไวแอท เกิดปัญหาขึ้นถามตัวเองว่า ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด และมีหลายอย่างที่คงเอาเอกลักษณ์ของ  Range rover เดิมไว้ จนไม่เหลือการบ้านให้ต้องแก้ไขอะไรอีกแล้ว และจากการสำรวจดูความคิดเห็นจากผู้แทนจำหน่ายและเจ้าของ Range rover ทำให้เขาได้รับข้อมูลกลับมาว่า เขาเหล่านั้นชอบที่จะให้คนอื่นมองเห็นตัวเองอย่างชัดเจน เมื่ออยู่ในห้องโดยสารของ Range rover  ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงรูปทรงภายนอกมากเกินไปถึงขนาดจำไม่ได้ว่ารถที่วิ่งผ่านหน้าไปคือ Range rover จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ

     Range rover รุ่นแรกเผยโฉมในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ด้วยแนวคิดการออกแบบของวิศวกรอาวุโส "สเปน คิง" และสานต่อด้วยฝีมือของ เดวิด บาซ หัวหน้าทีมออกแบบของ Rover ผู้เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์

     การออกแบบ Range rover ในยุคนั้น ได้รับการยกย่องในการจัดสรรอย่างลงตัวของพื้นที่ใช้สอย แม้จะถูกวิจารณ์เกี่ยวกับการออกแบบในบางส่วน เช่น ทางด้านเสาหลังหรือ D pillar ทื่มีความหนาแถมยังเน้นให้เด่นขึ้นมาด้วยสีดำ แต่เมื่อมองภาพรวมเข้าไปกับหลังคาที่ดูเหมือนถูกยกลอยขึ้นไปอย่างมั่นคง กลับถือว่าเป็นการรังสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ซึ่งถือว่า Range rover เป็นรถยนต์รุ่นแรก ๆ ที่มีการสร้างโดยให้สีที่เสาหลังคาแตกต่างไปจากสีของตัวถัง

     ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 เมื่อ  Range rover ได้ก้าวเข้ามาสู่ตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ ทีมงานของ land rover จึงได้ปรับความคิดขึ้นมาใหม่ โดยหวังให้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่คงความหรูหรา และทรงคุณค่าอย่าง  Range rover สามารถวางตำแหน่งไว้อย่างเหมาะสม ในตลาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังเป็นตลาดที่ทรงอิทธิพลต่อตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก


* Land_Rover-Supercharged_Range_Rover_2006_800x600_wallpaper_0e.jpg (117.16 KB, 800x600 - ดู 3238 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:24:27 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 12:38:28 PM »

    
     ดอน ไวแอท กล่าวว่า จากการที่เขาคลุกคลีกับบรรดานักออกแบบทั้งหลายมายาวนาน ทำให้รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายสำหรับ Range rover เพียงแค่การเลือกเอาวัสดุที่ถูกนำมาใช้ในห้องโดยสาร ก็สามารถทำให้เห็นถึงความหรูหรานั้นได้ชัดเจน ไม่ต้องกล่าวอะไรมากนัก

     แม้ดูอย่างผิวเผิน จะมีผู้ออกความเห็นว่า แทบจะหาความแตกต่างในระหว่าง Range rover รุ่นใหม่ และรุ่นเก่าไม่ได้ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแม้ว่าเส้นสายจะคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า Range rover รุ่นใหม่ มีความโค้งมนมากกว่ารุ่นแรก ๆ อย่างเห็นได้ชัด

     "เรื่องของความโค้งมนนี้ เป็นสิ่งที่เราวางเป้าหมายเอาไว้นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเริ่มคิดถึงการปรับปรุงเลยทีเดียว และเมื่อเราพัฒนามันจนสำเร็จจะเห็นได้ว่า ในความเป็นเอกลักษณ์ที่คงไว้ เราได้ใส่รายละเอียดที่ดูแล้วทันสมัยลงไปมาก แม้แต่เรื่องของครีบระบายความร้อนที่ตัวถังด้านข้าง ซึ่งมีประโยชน์ต่อการใช้สอยอย่างจริงจัง แม้บางคนบอกกับเราว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับ range rover มาก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามจะต้องถือว่า ภาพรวมของ l30 จะได้รับการตอบรับที่เยี่ยมยอดมากทีเดียว

     บทวิจารณ์บางบทกล่าวว่า ไม่เห็นจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น แม้แต่ตราสัญญลักษณ์ของ Range rover ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่ ก็ยังคงไว้ซึ่งรูปและแบบเดิมอยู่นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงจะเห็นชัดเจนว่า Range rover รุ่นเก่านั้น ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำไปใช้งานในลักษณะของรถยนต์ OOFROAD ที่สมบุกสมบัน โครงสร้างตัวถังจึงทำให้ดูบึกบึนแข็งแรง แตกต่างไปจาก Range rover ใหม่ ที่ใช้โครงสร้างหลักแบบชิ้นเดียว (monocouge) ที่ยืดหยุ่นตัวได้มากกว่า ตามมาด้วยช่วงล่างแบบอิสระที่ให้ความนุ่มนวลนขณะใช้งานบนถนน ให้การยึดเกาะที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ยังคงความสามารถบนเส้นทางสมบุกสมบันเอาไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด


* Land_Rover-Range_Rover_2003_800x600_wallpaper_14.jpg (59.82 KB, 800x600 - ดู 3396 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:22:20 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 12:59:33 PM »

     การพัฒนาของเจ้า Range rover ไม่ได้หมายความว่าเพียงแค่เปลี่ยนโครงสร้างตัวถังให้หันมาหาระบบโมโนค็อคเท่านั้น แต่ต้องคงสมรรถนะการลากจูงน้ำหนักบรรทุกระดับ 3.5 ตันเอาไว้ ฟังดูแล้วเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้สำหรับรถยนต์ที่ใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อค แต่ Range rover ใหม่ได้พิสูจน์ให้เห็นขีดความสามารถในการลากจูง และความทนทานของตัวถังใน Range rover ใหม่ สามารถลากจูงรถยนต์ที่มีน้ำหนักตัว 5.5 ตันให้เคลื่อนที่ได้อย่างสบาย และตัวถังแบบโมโนค็อคที่มีน้ำหนักเบา ก็มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการกระจายแรงดึง รวมทั้งขีดความสามารถในการกระจายน้ำหนักแรง เมื่อเกิดการชนหรือกระแทกขึ้น ซึ่งประสิทธิภาพด้านนี้ของ Range rover ใหม่ ได้รับการยอมรับและผ่านมาตรฐานของ NCAP ด้วยผลการทดสอบระดับ 5 ดาว เมื่อเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน

     ในส่วนของระบบช่วงล่างนั้น Range rover สร้างโจทก์ที่แสนยากเย็น ให้วิศวกรไปทำเป็นการบ้าน เพราะความต้องการที่จะให้เป็นรถที่มีระบบรองรับที่ดี ต้องอารให้ผู้ที่อยู่ในห้องโดยสาร ให้ได้รับความนุ่มนวลสะดวกสบาย ไม่เมื่อยล้ากับการเดินทาง แต่ต้องการให้ความแข็งแกร่งทนทาน สามารถบุกตะลุยไปทุกสภาพเส้นทางหฤโหดได้อย่างไม่มีการบุบสลายนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถไม่น้อย


* Land_Rover-Range_Rover_2003_800x600_wallpaper_13.jpg (56.61 KB, 800x600 - ดู 3192 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:29:10 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 01:01:41 PM »

ทางผู้เขียนเองคิดว่าวันนี้คงจะพักไว้เพียงแค่นี้ก่อนแล้วจะกลับมาเขียนใหม่ในวันต่อ ๆ ไปครับ ขอบคุณที่ติดตาม
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
RANGE
Newbie
*
กระทู้: 11


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2012, 11:19:09 PM »

ชอบครับ...อ่านเพลินได้ความรู้ดี ปูเสื่อนั่งรอตอนต่อไปคร้าบ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 09:35:07 AM »

อย่างที่เราได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทางค่าย bmw ได้ทำการ take over land rover UK ตั้งแต่ปลายปี 1996 ไปนั้นทำให้รถยนต์ land rover ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1997 นั้นได้มีสายเลือดของเยอรมันผสมอยู่แทบจะทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น p38 freelander discovery and l322 ด้วย แทบจะเรียกกันว่าทุกรุ่นที่อยู่ในสายการผลิตเองเลยก็ว่าได้ ทาง bmw ได้พัฒนา land rover ไปมากเหมือนกัน แม้แต่นังอ้วนเอง รถยนต์ที่ผลิตในปี 1997 ขึ้นไปนั้นได้เปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าไปมากพอดู อย่างระบบไฟฟ้าที่เคยใชอุปกรณ์ของ lucas อยู่ก็เลิกใช้หันไปใช้ของค่าย  bosh แทน ถามว่าเกิดผลดีหรือผลเสียมากมายแค่ไหน ตอบได้เลยครับว่าเป็นผลดีมากกว่าผลเสียครับ เพราะระบบไฟฟ้าของ bosh นั้นค่อนข้างที่จะมีเสถียรภาพมากกกว่านของ lucas ความคงทนต่อสภาพอากาศ ความร้อน ตลอดจนความทนต่อสภาวะต่าง ๆ ได้ดีกว่า ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าในภาพรวมดีขึ้นกว่าเก่ามาก ส่วนในข้อเสียก็คือการทำให้ราคาอะหลั่ยแพงขึ้นกว่าเดิม


* Land_Rover-Range_Rover_2003_800x600_wallpaper_0d.jpg (69.93 KB, 800x600 - ดู 3281 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:40:55 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 09:55:36 AM »

     
     มีการทดสอบที่ถูกจัดให้เป็นการทดสอบที่โหดร้ายมาก ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในระดับอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ระหว่าง -40 องศาเซลเซียส ไปจนถึงสูงระดับ 50 องศาเซลเซียส และสภาพผิวถนนที่มีตั้งแต่การขับข้ามแอ่งน้ำ การขับลุยผ่าทะเลโคลน หรือขับบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและหินแหลมคม

     สิ่งพิเศษสำหรับ Range rover ใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือการนำเอาระบบ air spring  เข้ามาใช้กับระบบช่วงล่าง จากเดิมที่เป็นระบบช่วงล่างแบบคานแข็ง ทำให้ไม่สามารถนำเอาระบบนี้มาทำงานร่วมกันได้ ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนมาเป็นแบบอิสระทั้งสี่ล้อ ระบบ air spring จึงเข้ามามีบทบาท โดยผลดีที่ได้ก็คือ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ระบบดังกล่าว จะช่วยลดความสูงระหว่างตัวถังกับพื้นถนนลงมาโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้การทรงตัวดีขึ้น และเมื่อไปใช้งานในเส้นทางที่ขรุชระ ระบบนี้ก็ช่วยให้ตัวถังรถสามารถยกสูงขึ้นหลบสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าเก่า

     ระบบเบรคของ Range rover ใหม่ ใช้ของค่าย bosh ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ให้แรงดันน้ำมันเบรคได้สูง จึงทำให้มีขีดความสามารถในการหยุดได้มั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าพละกำลังของเครื่องยนต์จะมีมากเพียงใดก็ตาม เบรคชุดนี้ถือว่าเป็นระบบที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก อีกทั้ยังได้รับการปรับแต่งระบบควบคุมการทรงตัว ให้รองรับการใช้งานได้เต็มที่ และดีกว่าตัว p38 มากมาย เพราะว่า p38 ต้องใช้ ระบบเบคร abs ร่วมกับ abs booster abs pump accumulator ซึ่งเวลาที่ชำรุดเสียต้องใช้งบประมาณมาดูแลมากกว่ามาก และข้อสำคัญ l322 ไม่เคยไหม้ไฟเพราะสาเหตุจากน้ำมันเบรครั่วเลย
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 10:13:56 AM »

     ระบบเบรคแบบนี้สามารถทำงานได้ดีแม้จะอยู่บนเส้นทางออฟโรด สามารถลดอาการหน้าดื้อโค้งและท้ายปัดลงไปได้ แม้จะใช้ความเร็วสูงเกือบร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งน้เบรคของ Range rover ใหม่ยังมีระบบช่วยถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาอีกหลายอย่างเช่น abs ระบบกระจายแรงน้ำมันเบครที่ควบคุมด้วยอิเลคโทรนิคส์ ระบบช่วยเพิ่มแรงกดของเบรค และที่สำคัญที่สุดคือ ระบบ HDC (hill descent control) ซึ่งระบบหลังนี้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ land rover เป็นระบบที่สามารถช่วยลดการเบรค และเครื่องยนต์ขณะลงจากทางลาดชันได้อย่างดีเยี่ยม

     New range rover ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันสมคำว่ารุ่นใหม่ ภายในหองโดยสารถุกออกแบบมาให้เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น พนักพิงของเบาะหลังมีมุมเอียงมากกว่ารุ่นเดิม แถมยังสามารถปรับระดับได้ถึง 7 ระดับและติดตั้งเอาไว้ในตำแหน่งที่สูงกว่าเบาะหน้า ซึ่งนั่นหมายถึงการนั่งที่สบายและลดความเมื่อยล้าในการเดินทาง รวมถึงเพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้นั่งได้เป็นอย่างดี

     ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่ส่วนใหญ่ควบคุมด้วยระบบอิเล็คโทรนิคส์ก็ได้รับการออกแบบอย่างตั้งใจ ระบบปรับอากาศ สามารถควบคุมได้ง่ายจากแผงคอนโซลกลาง ทุกอย่างมองดูผสมผสานกลมกลืนและลงตัว ด้วยการออกแบบของทีมงานอย่างประณีตบรรจง



* Land_Rover-Range_Rover_Autobiography_2004_800x600_wallpaper_06.jpg (94.84 KB, 800x600 - ดู 3180 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:27:04 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 10:32:14 AM »


     อุปกรณ์ใด ๆ ในโลกใบนี้หากจะนำมาเปรียบเทียบกับรถยนต์ Range rover ได้ เห็นแต่จะมีแต่มีดพกเอนกประสงค์ swiss army เท่านั้น ด้วยความเป็นอุปกรณ์ซึ่งมีขีดความสามารถในการสนองความต้องการได้หลากหลาย และผู้ออกแบบล้วนแต่ใช้ความละเอียดอ่อน พินิจพิจารณาการใช้งานจริง เช่น ในมีด swiss army ที่มีขีดความสามารถทั้งการเปิดขวดน้ำอัดลม การเปิดขวดไวน์ การเป็นอุปกรณ์ช่วยในการตกปลา ไขควง มีดปอกและตัด แม้แต่ไม้จิ้มฟันยังถูกออกแบบซ่อนมาให้สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของนักออกแบบได้เป็นอย่างดี

     New range rover ก็เช่นกันที่นักออกแบบต้องพิถีพิถัน คำนึงถึงคามสามารถในการใช้งาน ให้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในสภาพที่หรูหราของสังคมชั้นสูในเมือง หรือสภาพเส้นทางในป่าเขา โดยผู้ที่อยู่ในรถยังความสบายและเสพสุขกับความหรูหราได้เต็มที่ เท่ากับว่าเป็นการนำเอาห้องรับแขกที่โอ่โถงออกไปใส่ล้อวิ่งผ่านอุปสรรคทั้งมวลโดยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารนั่งอยู่บนโซฟาติดล้อนั่นเอง

     ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมใน new range rover  มีการทำงานที่แตกต่างถึง 3 แบบคือ แบบ access แบบ normal และแบบ offroad เมื่อคุณขับโดยใช้ความดเร็วคงที่ระดับ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนานเกินกว่า 1 นาที ความสูงของตัวถังจะถูกลดลงมา 21 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ และความสูงของตัวถัง จะกลับไประดับเดิมทันที เมื่อคุณใช้ความเร็วลงมาต่ำกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเวลาต่อเนื่องเกินกว่า 2 นาที่
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 08:14:19 PM »

    
     ระบบ HDC  จะทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งเดินหน้าหรือถอยหลังก็ตาม รวมทั้งไม่ว่าจะอยู่ในระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ High หรือ Low ซึ่งการทำงานในแนวคิดแบบนี้ Land rover เพิ่งจะนำเข้ามาใส่ใน new range rover เป็นครั้งแรก

     โดยระบบ HDC นั้น เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงภาระที่้เบรคต้องรับในขณะลงทางลาดชัน เบรคหน้าจะเป็นผู้รับบทบาท หนักมาก หลายครั้งก่อให้เกิดการเสียเสถียรภาพการทรงตัว หรือทำให้เบรคผิดปกติขึ้นมา ระบบ HDC นี้เข้ามาเพื่อทำการกระจายน้ำหนักการเบรคไปสู่ล้อหลัง เพื่อให้เบรคทุกล้อมีส่วนร่วมในการทำงานเท่ากัน

     ระบบ DSC  ที่ช่วยการทรงตัวให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะขับขี่บนสภาพถนนเช่นใดก็ตาม ผู้ขับขี่ ก็สามารถบังคับให้ทำงานได้ง่ายขึ้น เพียงแ่ค่กดปุ่ม on/off ที่ติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัดเท่านั้น ซึ่งการมีปุ่มปรับเลื อกการใช้หรือไม่ใช้ DSC เข้ามานั้น เป็นเพราะวิศวกรของ Land rover ต้องการให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้ DSC หรือจะเลือกใช้ Traction Control ที่ควบคุึมการทำงานด้วย Electronics ตามความต้องการจริง

     ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนไปนานเพียงใด แต่ปรัชญาการพัฒนาของ Range rover ที่ต้องการให้เป็นรถซึ่งสามารถสนองตอบความต้องการในการใช้งานได้ทุกเส้นทาง กลับไม่เคยเปลี่ยน หรือแม้แต่จะบิดเบือนไปแม้แต่น้อย


* Land_Rover-Range_Rover_2003_800x600_wallpaper_0c.jpg (74.45 KB, 800x600 - ดู 3329 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2012, 03:42:17 PM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2012, 08:28:09 PM »

    
     Range rover ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคที่การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีมีความรุดหน้าอย่างรวดเร็วช่วงปลายทศวรรษ 1960 รถยนต์ Range rover รุ่นแรก เปิดตัวขึ้นมาพร้อมกับรอยเท้ารอยแรกของมนุษย์ที่ขึ้นไปประทับบนดวงจันทร์ และการพัฒนาอย่างเต็มชั้นนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในช่วงปี 1990

     หากจะให้นิยามกับ Range rover คงต้องใช้คำพูดว่า ความใหญ่ ความสามารถ ความทรหด ซึ่งทั้งหมดนั้นหมายถึงยานยนต์ที่ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่า ทุกความเคลื่อนไหวคือความมั่นคง และความปลอดภัยของผู้่ที่่อยู่ในห้องโดยสารนั่นเอง

     ในขณะที่สภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมนของโลกยังไม่ดีนัก แต่ Land rover กลับเดินหน้าทุ่มเงินลงทุนกว่า 200 ล้านปอนด์ เพื่อพัฒนาโรงงานประกอบที่เมือง โซลิฮัลล์ ให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด

     นับเป็นอีกครั้งหนึ่งของ Range rover ที่จะต้องพิสูจน์ข้อสงสัยที่ว่า ทำไมผู้คนถึงต้องพร้อมที่จะยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับสิ่งดี ๆ เช่นนี้เข้ามาไว้ครอบครอง เวลาเปลี่ยนไปในแต่ละวินาที ไม่สามารถทำให้ Range rover เปลี่ยนนิยามและความคิดในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกค้าได้แม้แต่น้อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2012, 08:30:32 PM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
หน้า: [1] 2 3 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net Valid XHTML 1.0! Valid CSS!