Rangeroverhouses.com Forum
มกราคม 11, 2025, 11:55:37 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: SMF - Just Installed!
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Range rover L322(2002-2005) top ten serious cases  (อ่าน 102564 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #30 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2012, 02:05:15 PM »

โดยทั่วไปแล้วถ้าจะกล่าวถึงระบบอิสระ กันจริง ๆ แล้ว นั่นก็จะหมายถึง จะมีทั้งปีกนกล่าง ปีกนกบน และ coil spring และ shock absorber เป็นหลัก  แต่สำหรับเจ้า l322 นั้นคงจะไม่ได้เป็นแบบที่กล่าวมา เจ้า l322 นั้นมีแต่ปีกนกล่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนปีกนกบน coil spring และ shock absorber นั้น จะถูกนำเข้าไปรวมกันไว้ กล่าวคือ มองง่าย ๆ ก็คือการนำเอา shock absorber แบบ macpherson strut มาดัดแปลง ตัด spring ออกไปนำเอาเจ้ถุงลมมาใส่เข้าไปแทน แล้วก็ตัดปีกนกบนออกไป  นี่แหละครับถุงลมของระบบ air suspension ของ l322 ถุงลมที่มาพร้อมกับshock absorber คงต้องไปคุยกันในระบบ air suspension นะครับ ตรงนี้เราจะคุยกันในเรื่องระบบบังคับเลี้ยวก่อน ติดตามไปเรื่อย ๆ นะครับอย่าเพิ่งเบื่อ


* RNB000740.jpg (24.1 KB, 250x431 - ดู 1329 ครั้ง.)

* RKB500082G.jpg (32.7 KB, 250x193 - ดู 1287 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2012, 10:47:48 AM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #31 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2012, 07:51:13 PM »

เราคุยกันมาตั้งนานแล้วบางท่านยังไม่ทราบเลยว่า เจ้า l322 ที่เห็นกันอยู่นี่ตกลงมันมีม้าอยู่กี่ตัวกันแน่ ถึงได้ให้พละกำลังมหาศาลแบบนี้ เอาง่าย ๆ เลยว่า นังอ้วนนั้นมีม้าอยู่ทั้งหมด 225 ตัวครับ ตอนออกมาใหม่ ๆ นะครับ ความเร็วสูงสุดก็ สองร้อยกว่า ๆ ครับ นั่นสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วครับ ตอนนั้นม้ายังอยู่ครบทุกตัว และทุกตัวก็ยังหนุ่มยังแน่น  ตอนนี้ม้าแก่แล้วก็ตายลงไปบ้างครับ ตอนนี้ควบได้ร้อยปลายก็เรียกว่าใช้ได้แล้วครับ นังอ้วนนั้นเครื่องยนต์ 4600 cc นะครับ ยังได้แค่นี้ แต่ก็อีกนั่นแหละครับเครื่องยนต์ของ  Land rover แทบจะทุกรุ่นนั้นเน้นแรงบิดที่รอบต่ำซะมากกว่า  แต่เจ้า l322 เครื่องยนต์เล็กลงเหลือเพียงแค่ 4400 cc เท่านั้น ท่านเชื่อหรือไม่ว่าสามารถให้ม้าออกมาถึง 285 ตัวครับ ความเร็วสูงสุดใน spec ระบุไว้เพียง 208 km/hr แต่ที่เห็นวิ่งกันจริง ๆ ได้มากกว่านั้นก็อาจจะอยู่ที่ส่วนประกอบของล้อและยางเข้าไปด้วยครับที่ทำให้ได้ความเร็วสูงขึ้นไปอีก สงสัยไม๊ล่ะครับว่าทำไมความจุกระบอกสูบลดลงทำไมถึงได้ม้าเพิ่มขึ้น ข้อแรกก็ด้วย technology สมัยใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาใส่มาในเครื่องยนต์ block นี้ มีการนำ vcc valve มาใส่ลงไปด้วย ข้อสองก็ในเรื่องของน้ำหนักตัวที่ลดลงมามาก ข้อสามก็ด้วยเรื่องของพลศาสตร์ ข้อสี่ก็ในเรื่องของระบบส่งกำลังที่ได้เกียร์ตัวนี้มาใส่ก็ลงตัวกับ ZF 5HP24
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2012, 07:38:11 AM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 08:40:47 AM »

เอ้าเลยไปกันใหญ่เลยเดี๋ยวกลับเข้ามาในระบบบังคับเลี้ยวกันก่อนยังไม่หมดครับ จาก rack  พวงมาลัย บู้ชปีกนกล่างแล้ว เราอยู่กันหน้าห้องเครื่องก็ต้องวกกลับเข้าไปในห้องโดยสารนิดนึงครับ ในระบบบังคับเลี้ยวนั้นก็คงจะขาดเจ้าตัวนี้ไม่ได้ครับ ก็เจ้าพวงมาลัยไงล่ะครับ เวลาขับรถเขาจะอยู่ใกล้กับเรามากที่สุด เราจะไว้วางใจเขามากที่สุดใช่ไม๊ล่ะครับ ก็คงต้องวกกลับเข้ามาในห้องโดยสารกันหน่อยนึงครับ เพื่อที่จะดูว่าทางทีมวิศวกรมีอะไรใหม่ ๆ ใส่มาให้พวกเราเล่นบ้าง สำหรับเจ้า l322 นั้น เวลาที่บิดกุญแจไปในตำแหน่ง on  เจ้าพวงมาลัยจะปรับเองตามตำแหน่งที่เจ้าของรถได้ memory เอาไว้ และเมื่อปิดสวิทย์กุญแจพวงมาลัยก็จะเคลื่อนตัวกลับไป สำหรับพวงมาลัยในรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาใช้ร่วมกับระบบไฟฟ้า การปรับตั้งก็ดีการเปลี่ยนตำแหน่ง ไปในทิศทางต่าง ๆ ก็ดีตรงนี้ออกแบบมาให้ใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อนครับ ในเมื่อมีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องก็มีโอกาสที่จะเสียเป็นธรรมดาครับ ผิดกับนังอ้วนยังคงใช้ระบบ manual อยู่ครับจึงไม่ค่อยจะมีปัญหายุ่งยากเท่าไร บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านังอ้วนสามารถปรับพวงมาลัยได้ ยืดก็ได้ หดก็ได้ ขึ้นหรือลงก็ได้เช่นกันครับ

สำหรับเจ้า l322 นั้น ถ้ายังจำได้ที่พี่ปัญจะเขียนไว้ในเรื่องของกุญแจสตาร์ท จะดึงได้ก็เพียงตำแหน่งเดียวคือ park นี่เป็นกรณีที่มีไฟแบตเตอรี่เต็ม แต่ถ้าในกรณีที่ไฟแบตเตอรี่หมด อยากจะเข็นรถเคลื่อนที่ อยากจะดึงคันเกียร์ไปที่ N ก็คงจะต้อง say no sorry เสียใจด้วยวครับที่เขาไม่สามารถทำได้ เพราะสวิสช์กุญแจตัวนี้จะใช้ร่วมกับ solinoid ถ้าไม่มีไฟแบตเตอรี่มาเลี้ยง จะไม่ทำงานดังนั้นในเรื่องของ แบตเตอรี่เป็นสิ่งจำเป็นมากครับสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องเกี่ยวข้องกับ power source ตัวนี้
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 09:11:12 AM »

สำหรับที่วงพวงมาลัยนั้นก็มาในสไตล์เดิมครับ ทุกอย่างได้ถูกออกแบบมาให้บังคับได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ cd changer cruise control มีระบบโทรศัพท์เพิ่มเข้ามาท่านสามารถกดโทรออกรับสายได้จากพวงมาลัยนี้เลย ถ้ากำลังฟังเพลงอยู่ กดไปที่ปุ่ม R/T ก็จะเป็นโทรศัพท์  หลังจากนั้นก็กดปุ่ม ที่มีตัว p ใต้สุดลงมาจะโทรออกหรือรับสายก็ตามแต่สะดวกครับ เอาไว้ค่อยไปคุยกันในรายละเอียดลึก ๆ ในแต่ละเรื่องครับ วันนี้จะพูดถึงเรื่องที่เสียกันอยู่บ่อย ๆ ก่อน ส่วนมากแล้วในห้องโดยสารสำหรับรุ่นนี้นั้น ที่เสียแล้วมีปัญหาอยู่บ่อย ๆ ก็เห็นจะได้แก่ไอ้เจ้า INSTRUMENT PANEL กับเจ้า MFD หรือ MID  โอ้โฮอะไรของพี่แกเนี่ย อ่านแล้วงงกับศัพท์ทางวิชาการ ไม่ต้องงงหรอกครับง่าย ๆ เข้าใจง่ายครับ ไอ้เจ้า INSTRUMENT PANEL นั้นก็คือเจ้าตัวจอหน้าปัทม์ที่อยู่ต่อหน้าเรานั่นแหละครับ ศูนย์รวมข้อมูลต่าง ๆ ของรถเพื่อที่จะแจ้งให้เราทราบว่ารถยนต์นั้นสมบูรณ์เพียงใด มีข้อบกพร่องอะไรบ้าง โดยส่วนมากตามหลักสากลกันแล้ว เวลาเปิดสวิสช์กุญแจในตำแหน่ง on ไฟสีแดงทุกอย่างจะโชว์หมดและจะค่อย ๆ ดับไปทีละดวง ๆ จนกระทั่งเหลืออยู่บางดวง จนกว่าท่านจะสตาร์ทเครื่องยนต์จึงจะดับไป ถ้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบก็จะมีบางดวงปรากฎอยู่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบว่าขณะนี้รถยนต์ของท่านไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับเจ้า l322 นั้นได้มีหน้าจอ display มาให้เหมือนกับเจ้านังอ้วนเหมือนกัน พร้อมกับข้อความอีก 150 ข้อความที่จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบ วันนี้พี่ปัญจะเองจะคุยในเรื่องความผิดปกติของเจ้า 3 ตัวนี้เท่านั้น ส่วนอื่นนั้นคงต้องเจาะลึกลงไปอีกในวันข้างหน้าครับ

INSTRUMENT PANEL ในเจ้า l322 นั้นได้รับการออกแบบและพัฒนามาค่อนข้างที่จะสวยงามลงตัว ทีเดียว ข้อดีนั้นมีมากมาย ส่วนข้อเสียนั้นก็มีเป็นหลักเลยก็คือ ตัวหนังสือที่ show อยู่นั้นไม่เต็มจะเป็นแบบนี้แทบทุกคัน ดังนั้นจึงควรตรวจสอบดูให้ดีก่อนที่จะซื้อหรือเลือกรถคันนี้เข้ามาเพราะว่าไม่สามารถซ่อมได้ต้องเปลี่ยนเพียงสถานเดียวครับ

MID คืออะไร  ไอ้เจ้า MID ตัวนี้เป็นชื่อเล่นของมัน ชื่อเต็มของเขา Multi Information Displayถ้าคุยกันง่าย ๆ ก็ตัววิทยุนั่นแหละครับ สำหรับวิทยุในที่ใส่มาในรุ่นนี้ถือว่าขั้นเทพแล้ว ถ้าท่านได้ขับรถรุ่นนี้แล้วฟังเพลงไปเรื่อย ๆ เป็นอะไรที่ลงตัวกับ harman kardon set นี้  ข้อดีก็มากมายครับ แต่ข้อเสียกเหมือนกับ INSTRUMENT PANEL เช่นกันครับ ตัวหนังสือไม่ครบ สำหรับเจ้า MID ตัวนี้จะมมีใส่มาในรุ่นธรรมดาเท่านั้นครับ ส่วนในรุ่น top นั้น เขาจะใส่เจ้าตัว MFD มาครับ แล้วมันต่างกันยังไง เจ้าตัว top กับตัวธรรมดา


* RangeRover-34-1024.jpg (36.67 KB, 320x240 - ดู 1301 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2012, 10:54:38 AM โดย phutarn » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 01:15:20 PM »

ที่เห็นอยู่ในรูปภาพข้างบนนั้นจะเป็นจอแบบ MFD ครับ หน้าจอแบบนี้จะมีอยู่ในรุ่น top เท่านั้นครับ ขอบคุณคุณภูธาร ที่ลงรูปภาพสวย ๆ มาให้พวกเราได้ดูกัน เจ้า MFD นั้นก็เป็นชื่อเล่นของเขาครับ ชื่อเต็มของเขา MULTI FUNCTION DISPLAY ครับ  ในตัวของ MFD ตัวนี้นอกจากจะเป็นวิทยุแล้วยังเป็น
On board computer television
GPS Navigation
Telephone
ในตัวอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องใส่มาในรุ่น top เท่านั้น เพราะว่าสนนราคาจะแพงกว่าตัวธรรมดามาก และในตัว top นั้นจะสังเกตุได้อย่างไรว่ารถคันนี้เป็นรุ่น top ก็มีที่สังเกตุอยู่หลายอย่างเหมือนกัน ถ้าภายในรถก็ตรง facia รุ่นนี้จะถูกหุ้มด้วยหนังเย็บลายตะเข็บอย่างดี ส่วนที่แผงประตูตรงมือเปิดดึงเข้าออกก็จะถูกหุ้มด้วยหนังแท้เย็บโชว์ตะเข็บ ก็จะเห็นจอ MFD ได้ไม่ยาก ที่สังเกตุได้ง่าย ๆ อีกข้อหนึ่งก็คือเบาะสำหรับเจ้าตัว top นั้น ตัวเบาะเองก็จะสามารถปรับเอนได้สองท่อน ส่วนเจ้า head rest นั้นก็จะมีรูปทรงที่แตกต่างจากธรรมดาไป สุดท้ายเลยถ้ามองที่ด้านท้ายของตัวรถ จะต้องมีคำว่า VOGUE ติดอยู่ที่ด้านหลังทางขวาทุกคันครับ แต่ขอบอกก่อนนะว่ารุ่น top ในเมืองไทยนั้นมีไม่ถึง 20 คันครับ อีกอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับ Range rover มานมนานนั่นก็คือ Sun roof ครับสำหรับตัว top จะมีใส่มาให้ ในส่วนตัวธรรมดานั้นจะไมมีครับ

ในส่วนสีเบาะหนังภายในนั้นก็จะเป็น two tone เสียเป็นส่วนใหญ่ครับ ถ้า facia เป็นสีครีม เบาะหนังก็จะเป็นสีครีม พื้นสีน้ำเงิน  หรือเบาะสีน้ำเงิน พื้นสีนำเงิน หรือดำทั้งหมด ภายในห้องโดยสารนั้นส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยพลาสติกเสียเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่แล้วก็เรื่องสีที่เคลือบอยู่ตามตัวพลาสติกต่าง ๆ นั้นลอกหลุด ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเราก็จะทำการ recondition กันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2012, 01:22:26 PM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2012, 10:40:26 AM »

เดี๋ยวจัดหารูปลงประกอบให้ครับแต่เขียนช้าๆหน่อยนะลงรูปตามให้ไม่ทันครับบบบบพี่ๆๆ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 08:56:54 AM »

ได้ครับ จัดให้ตามคำขอครับ เพื่อนสมาชิกที่ติดตามอ่านอยู่ต้องค่อย ๆ อ่านไปนะครับ ขอเบรคหน่อยหนึ่งตามคำขอของ webmaster  ขอบคุณที่ติดตาม
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #37 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2012, 08:47:04 AM »

ในเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องโดยสารกันแล้ว วันนี้มาคุยกันในเรื่องใกล้ ๆ ตัวอีกเรื่องนึงครับ เป็นตัวที่สำคัญตัวหนึ่งเหมือนกันในเวลาขับขี่ ลองนึกดูสิครับว่าตัวอะไรที่เวลาเราขับรถต้องใช้เขาอย่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้าย ขวา จะแซง เปลี่ยนเลน หรือแม้แต่จะถอยหลังเข้าจอดก็ต้องใช้เขา ขอตอบเลยก็แล้วกันครับ  กระจกมองข้างไงล่ะครับ สำหรับกระจกมองข้างที่ใส่มาในเจ้า L322 นั้นไม่ธรรมดาครับ  ฟังก์ชั่นเดิมยังอยู่ครบครับ ใส่เกียร์ ถอยหลังกระจกจะก้มเหมือนเดิม ตัวอุ่นกระจกก็ยังเหมือนเดิม ที่มีเพิ่มเข้ามาก็คือสามารถพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้า และในบางรุ่นมีตัดแสงได้ ซึ่งใน นังอ้วนนั้นพับไม่ได้ด้วยไฟฟ้า

ทำไมเราต้องมาคุยกันถึงเรื่องกระจกมองข้างตัวนี้ด้วยล่ะครับไม่เห็นจะมีความสำคัญอะไรเลย ขอบอกได้เลยครับว่าสาเหตุของอุบัติเหตุอันดับหนึ่งของเจ้า L322 ตัวนี้ก็อยู่ที่เจ้าตัวนี้แหละครับ กระจกมองข้างตัวนี้มีมุมอับที่ท่านไม่สามารถมองเห็นได้กว้างทำให้ในบางครั้ง ในบางมุมท่านจะไม่สามารถมองเห็นรถที่อยู่ด้านหลังเลย หายไปทั้งคัน ถ้าวันใดเกิดท่านขับรถตามเจ้า l322 ตัวนี้แล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ให้อภัยเถอะครับ ก็อย่างที่เล่าให้ฟังนี่แหละครับ มุมมองสำหรับเจ้ากระจกรุ่นนี้ไม่ดีเท่า นังอ้วนครับ นังอ้วนนั้นมุมมองจะกว้าง ปลอดภัยท่านจะไม่ต้องกังวลสำหรับเรื่องนี้ แต่สำหรับเจ้า L322 ตัวนี้นั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องระวังป็นอันดับหนึ่ง ในการที่จะเปลี่ยนเลนก็ดี หรือจะเข้าจอดก็ดีควรจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ทางแก้ไขก็พอจะมีอยู่บ้างครับ อาจจะหากระจกโค้งดวงกลม ๆ เล็ก ๆ ไปติดไว้ที่ปลายกระจกมองข้างด้านล่าง เจ้ากระจกดวงนี้จะช่วยได้มากครับ จะทำให้ท่านไม่มีปัญหากับรถทางขวาหรือทางซ้ายที่ขับตามหลังท่านมา เพราะในเวลาเปลี่ยนเลน เรามองไม่เห็นรถคันหลังด้านข้างหรอกครับ พอหันหัวออกไปก็ไปโดนรถคันทางขวาพอดี ถ้าเขาไม่เบรคก็ชนแน่นอนครับ ดังนั้นจึงต้องควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับกระจกมองข้างสำหรับเจ้า L322 นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2012, 09:35:31 PM โดย คนรักษ์เร้นจ์ » บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
T_T
Global Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 554



« ตอบ #38 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2012, 10:05:06 PM »

ความรู้ทั้งนั้น  เยี่ยมเลยพี่  พเดทเร็วๆนะ รออ่านอยู่
บันทึกการเข้า
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #39 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 09:12:04 AM »

อยากเขียนครับ แต่คนลงรูปมัวแต่พา 2012 ไปเที่ยวอยู่ ถ้าคุณโตว่างช่วยลงรูปให้พี่บ้างละครับ ยังมีที่พวกเราไม่รู้อีกมากจะค่อย ๆ ทยอยนำมาให้อ่านกันที่จริ งแล้วถ้ามี flash drive มาเสียบที่สมองพี่ได้ดูด file นี้ไปได้ก็ยินดีครับ อยากให้ทุกคนมีความรู้จะได้ใช้กันอย่างหนุกหนานครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #40 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:49:53 PM »

ในเมื่อเราคุยกันถึงเรื่องกระจกมอง่นข้างกันแล้วก็จะมาว่ากันต่อในเรื่องการใช้งานไปเลยทีเดียว ก็อย่างว่าแหละครับอะไรที่มีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องมันก็จะต้องมีสิ่งยุ่งยากตามมาอีกมากมาย ถ้าจะให้ทนทานใช้งานน๊านนานก็ของเจ้า p38 นั่นแหละครับ ทนนานมาก จะเสียก็แต่เฟืองปรับกระจกที่มีอยู่สองตัวเล็ก ๆ นั่นแหละครับ ถ้าไม่ชำรุดก็ใช้ไปนาน แต่ถ้าใช้มือไปดันโดยที่ไม่ใช้สวิสช์ฟปรับไฟฟ้าเมื่อไรก็หักครับ ดังนั้นเจ้านังอ้วนนั้นไม่ควรใช้มือดันกระจกมองข้างครับ และอีกอย่างที่เสียบ่อยก็เรื่องกระจำสั่นที่ความเร็วสูงครับ และที่เสียทุกคันก็คือถอยหลังไม่ยอมก้ม ก็ถือว่ายังใช้ได้ครับ ถ้าเราใส่ mode mirror dip off ไว้ ส่วนของเจ้า l322 นั้นเวลาเสียก็จะสังเกตุได้ครับ กดพับแล้วเด้งออกไปคืน กดพับแล้วไม่ยอมพับ ถอยหลังไม่ก้ม แถมวิ่งความเร็วสูงก็สั่นเหมือนกัน ถ้าเทียบกันแล้วกระจกมองข้างของ l322 นั้นค่อนข้างที่จะเปราะบางกว่า ดังนั้นต้องควรระมัดระวังในสิ่งนี้ด้วยครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #41 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 08:31:49 PM »

มีน้องคนหนึ่งถามมาว่าเวลาที่จะใส่ เกียร์ low จะต้องทำประการใด ขอบคุณสำหรับคำถามครับเป็นคำถามที่ดีมากทีเดียว อย่างนี้ต้องคุยกันตั้งแต่ต้น นั้นก็คือ Land rover ทุกคันถูกออกแบบมาให้เป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง HI หรือLOW ก็จะขับเคลื่อนสี่ล้อตลอด ถามว่าข้อดีกับข้อเสียระหว่าง Full Time  กับ part time นั้นมีอะไรแตกต่างกันบ้าง ถ้าจะคุยกันจริง ๆ ล่ะก็ยาวครับ เอาง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ครับ การยึดเกาะถนนดีกว่าในทุกสภาพถนน ไม่มีลื่นไถล ขับขี่ในความเร็วสูง มั่นใจ ปลอดภัย ส่วนข้อเสียก็เรื่องของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า การ maintenance ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ดังนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อรถก็ควรที่จะพิจารณาดูการใช้งานที่แท้จริงว่าท่านต้องการแบบใดเป็นหลัก

ก็ย้อนกลับไปถึงนังอ้วนสักนิดหนึ่ง นังอ้วนนั้นถ้าผู้ที่ไม่เคยใส่เกียร์ low เลยก็คงจะใส่ไม่ถูกต้อง และอาจจะเกิดผลเสียต่อตัวควบคุมทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ดังนั้นก่อนที่จะใส่เกียร์ low ต้องดึงคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N ในด้าน HI ถ้าดูง่าย  ๆ ก็คือจะมีด้านที่มีไฟสีเขียวติดอยู่ เสร็จแล้วก็ค่อย ๆ ผลักคันเกียร์ไปทางด้านสีแดง ให้ไปอยู่ที่ตำแหน่ง N เช่นกัน รอไว้จนกระทั่งไฟสัญญาณสีแดงหยุดกระพริบ  หรือที่จอหน้าปัทม์ ขึ้นคำว่า LOW หรือเสียงสัญญาณเตือน 3 ครั้ง หลังจากนั้นจึงค่อยใส่ไปที่ตำแหน่งต่าง ๆ ได้ครับ ถ้าท่านไม่ปฏิบัติตามนี้ ใส่เกียร์ไปเลยโดยที่ไม่รอให้สัญญาณต่าง ๆ หยุดลง ไฟสัญญาณจะกระพริบอยู่ตลอดเวลา และหน้าจอจะขึ้นคำว่า SELECT NEUTRAL ความหมายก็คือให้ใส่เกียร์ว่างครับ ถ้าท่านไม่ปฏิบัติตามก็จะทำให้ ecu ที่ควบคุมเกียร์พ่วงกับ motor เกียร์พ่วงชำรุดเสียหายได้ครับ  ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียเงินโดยไม่จำเป็นก็ควรระมัดระวังก่อนที่จะเข้าไปใน mode นี้ครับ

ก็เลยไปถึงนังอ้วนนิดหนึ่งครับ แต่สำหรับเจ้าL322 นั้นไม่มีอะไรยุ่งยากมากนักครับ เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสเบา ๆ ไปที่ สวิสช์ hi low  เท่านี่เกียร์ก็ทำงานแล้วครับ ก็ต้องดูที่หน้าจอ display ด้วยนะครับ ถ้าเป็นเกียร์ hi จะขึ้นคำว่า HI RANGE ถ้าเป็นเกียร์ LOW จะขึ้นคำว่า LOW RANGE ครับ ง่าย ๆครับ แต่ก็มีข้อจำกัดในการใส่เกียร์ low อยู๋ข้อหนึ่งสำหรับ l322 ตัวนี้ ก็คือ ก่อนที่จะใส่เกียร์ low หรือ hi ทุกครั้งนั้นจะต้องทำขณะที่รถติดเครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ N เท่านั้น ลองทำดูง่าย ๆ ครับ

บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
คนรักษ์เร้นจ์
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 553


รู้จริง..เรื่องเร้นจ์โรเวอร์


« ตอบ #42 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 08:54:24 PM »

ในเมื่อได้พูดเลยมาถึงเกียร์พ่วงกันแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีสิ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับเจ่า l322 ตัวนี้ ถ้าเกิดในกรณีฉุกเฉินที่จะต้องลากรถกันแล้วจะต้องทำอย่างไร เนื่องจาก land rover ทุกคันขับเคลื่อนสี่ล้อ full time ทุกคัน ทางวิศวกรผู้ออกแบบเขาได้คิดเอาไว้แล้วว่า สามารถทำการลากได้ แต่ก่อนที่จะลากนั้นจะต้องทำให้เกียรพ่วงนั้น อยู่ในตำแหน่ง n หรือเกียร์ว่างก่อน ดังนั้นทุกคันจะมี ไม่ว่าจะเป็น discovery ก็จะเป็นแบบ manual ต้องดึงไปที่ n  ส่วนนังอ้วนนั้นเป็นแบบควบคุมด้วย electronics ดังนั้นต้องใส่ fuse 5A ไปที่ BECM หาได้ง่าย ๆ ก็อยู่ใต้เบาะคนขับนั่นแหละครับจะมีฝาปิดอยู่ เปิดออกมา นับแถวบนสุดจากซ้ายไปขวา ตัวสุดท้ายขวามือ จะว่างอยู่ พอใส่ฟิวส์ลงไปก็ลากได้แล้วครับ หน้าจอจะขึ้นคำว่า TRANSFER NEUTRAL ครับ พอลากเสร็จแล้วก็อย่าลืมเอาออกนะครับ เพราะว่าในเวลาปกติแล้วถ้าเราใส fuse no 11 ตัวนี้ลงไป หรือเห็นว่าง ๆ อยู่ก็ใส่ให้เต็ม อย่าได้ทำครับ เพราะว่ารถจะไม่วิ่งครับ จะมีเสียงดังในเกียร์พ่วงคล้ายเกียร์พังแล้วรถก็ไม่วิ่งอีก ดังนั้นตรงนี้ห้ามทำโดยเด็ดขาดครับ  ก่อนลากใส่ลงไปลากเสร็จแล้วก็ถอดออกนะครับ

ส่วนของเจ้า L322 นั้น กล่องฟิวส์จะอยู่ด้านในของเก๊ะเก็บของด้านซ้าย ใต้กล่อง CD changer นั่นแหละครับ สำหรับรุ่นนี้จะแอบ ๆ หน่อยหนึ่ง แต่ก็ไม่เสียง่ายเหมือนของนังอ้วนหรอกครับ ของนังอ้วนนั้นเปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น จะไม่ให้เสียได้อย่างไง ในเมือตัวของมันเองก็ร้อนอยู่แล้วยังเอาไปไว้ในห้องเครื่องยนต์อีก ไม่พังก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน  ส่วนนเจ้า l322 นั้นเย็นตลอด ๆ เพราะอยู่ในห้องโดยสาร สบาย ๆ ครับ ในเมื่อหากล่องฟิวส์เจอแล้ว ก็ต้องหาช่องเบอร์  37 ให้เจอแล้วก็เสียบฟิวส์ 5A ลงไปก็ลากได้แล้วครับ หน้าจอจะขึ้นโชว์ TRANSFER NEUTRAL ครับ ส่วนขนาดของ fuse นั้น นังอ้วนจะเป็น fuse ตัวใหญ่ครับ ส่วนของเจ้า l322 นั้นจะเป็นแบบรุ่นใหม่โดยทั่วไปแล้วคือจะเป็น fuse ตัวเล็กครับ
บันทึกการเข้า

พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้...และ...ให้
phutarn
Webmaster Angel eye
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 2226


Angel eye


« ตอบ #43 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 11:17:20 AM »

มาเป็นชุดเลยพีได้ความรู้ใหม่เพรียบเลยพี่
ไปเขาค้อมาได้ลองทุกเกียร์ที่พี่ว่ามามันสุดยอดไปเลย
กลับมาแล้ววววครับเดี๋ยวจัดรูปตามให้ครับใจร้อนจริงนะเนี้ย555 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

ภูเขา ธารน้ำ
classic
Administrator
Sr. Member
*****
กระทู้: 412



« ตอบ #44 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 12:20:54 PM »

ได้ความรู้เยอะเลยคราบ สงสัยต้องแอบเอาคุุุณทองดำไปออกกำลังขึ้นเขาลงห้วยบ้างจะได้ใช้เปนคราบ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Hosting by THAISITE.net Valid XHTML 1.0! Valid CSS!