T_T
|
|
« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 07:39:34 PM » |
|
ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนปลาดิบ มาถึงแดนสยามเมืองยิ้ม (ไมมันร้อนจัง) จากน้องแจ๊ค ผู้หลงไหลอะไรก้อได้ขอให้มันคลาสสิคเข้าไว้ น้องแกชอบหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 07:41:24 PM » |
|
รุ่นอะไรนะ น้องแจ็ค อ้อ classic 35ปี หัวฉีดซะด้วย พ่วงด้วยเกียร์ออโต้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 07:46:31 PM » |
|
รถอะไรตัวก้อเล็ก เครื่องก้อเล็ก แล้วจะวิ่งได้สักเท่าไหร่กัน ร้อยหนึ่งจะได้มั้ยเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 07:47:45 PM » |
|
โห แซงได้ทั้งหกล้อ สิบล้อ หรือไอ้ที่หลายๆล้อก็ได้ แฮะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 07:56:07 PM » |
|
รุ่นรถมีแบบไหนบ้างนะ เอ จำไม่ได้อ่ะ Mini Mayfair ผลิตปี 1982-1994 เครื่องยนต์ 998cc / 1275cc (ตั้งแต่เดือน พ.ค. 1992) เบาะและภายในเป็นแบบ Chalkstripe velor (1985-1988), Prism velor (1988-1991), Chevron velor (1992-1994), Windsor velor (1995-1996) อุปกรณ์ตกแต่ง ล้อ 12" เป็นอุปกรณ์เสริมหลังปี 1984, กระจกข้างด้านหลังเปิดได้, วิทยุ, เบาะรองคอ, ตัวล็อคฝาถังน้ำมัน, วัดรอบ, ดิสเบรคหน้าตั้งแต่ปี 1984, หม้อลมเบรคตั้งแต่ปี 1988 มี Logo คำว่า Mayfair
Mini Kensington ขายที่ Japan, Italy, Netherlands เท่านั้น มี 2 สี Surf Blue กับ Nightfire red ผลิตปี 1996-1997 มี Logo คำว่า Kensington
Mini 40 ผลิตปี 1999 (เมษายน) เครื่องยนต์ขนาด 1275cc มี 3 สี Island Blue, Mulberry Red, Old English White มีกันชนโครเมี่ยม กระจังหน้า มือจับ มี Logo สีทองคำว่า "Mini 40" ที่ฝากระโปรงด้านหน้า, มีสติกเกอร์ด้านข้างรูปแบบเฉพาะ, มีป้าย "GB" ที่ฝากระโปรงท้าย แผงหน้าปัดอัลลอย ล้อ 13" Sportpack และชุดแต่ง Sportpack รอบคัน, สปอร์ตไลท์ 2 ดวงด้านหน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:02:16 PM » |
|
รุ่น 40ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:26:16 PM » |
|
เครื่องเจ้าตัวเล็กนี่ก้อมีหลายแบบนะครับ อย่างหลักๆเลย ก้อคาร์บูครับ จูนง่าย วิ่งมัน กืนกะจาย จะเดี่ยว หรือ คู่ก็ได้ครับ ระบบคาร์บูเรเตอร์ ข้อดี จะมีอัตราเร่งตามเท้าที่เราเหยียบลงไปนะครับ ** เท้าหนักก้อจะสิ้นเปลืองน้ำมันเยอะหน่อยครับ แต่โดยรวมไม่ต้องรอรอบเหมือนหัวฉีด ซึ่งเมื่อเร่งรอบเปลี่ยนเกียร์จะต้องรอรอบสักนิด ลักษณะการปรับจูนจะไม่ซับซ้อนครับ ส่วนอะไหล่ซ่อม หาได้ตามสเป็คคาร์บูเรเตอร์นั้นๆ ครับ ข้อเสีย การปรับจูนที่ถูกต้อง ค่าน้ำมัน อากาศ องศาจุดระเบิด
ระบบหัวฉีด ข้อดี เป็นระบบรุ่นใหม่ ควบคุมการปล่อยน้ำมันด้วยสมอง(ECU) ทุกอย่างจะมาจากการคำนวณ ค่าอากาศ น้ำมัน อุณหภูมิน้ำ co2 อัตราการปล่อยน้ำมันจะคงที่ครับ เมื่อเร่งรอบสูงECUก้อจะคำนวณและปล่อยน้ำมันอย่างสม่ำเสมอครับ ข้อเสีย ระบบจะซับซ้อนกว่าครับ อาการเสียส่วนมากจะเป็นที่กล่องECUและตัวควบคุ้มสตาร์ด(กล่องดำ) และการปรับจูนจะยุ่งยากกว่าครับ ถ้าจะปรับแต่งเครื่องยนต์จะต้องใช้ระบบคอมมาช่วยเช็ต แต่ถ้าแค่ปรับรอบidle speed สามารปรับได้แต่ต้องตั้งขามอเตอร์ไฟฟ้าด้วยครับ (น็อตเบอร์ 7ตรงฐานลิ้นผีเสื้อ) ในระบบ SPI + Distributor, SPI + Direct coil, TWP (Twin point injection) โดยส่วนตัวคิดว่า ระบบ direct ignition(Direct coil) จะให้การจุดระเบิดที่ดีกว่านะครับ ไม่ต้องกังวลว่า จานจ่ายจะเสีย หรือ คอยล์พังก่อน ส่วนระบบ SPI และ TWP TWP แบบ throttle body แยก จะได้เปรียบจากระบบการปล่อยน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้ เพราะเข็มหัวฉีดฝังลงคอไอดีเลย ซึง่ถ้าเป็นระบบ SPIของมินิ เข็มจะอยู่รวมกับ throttle body ส่วน RSP(Rover Special Production)
และยังมีเครื่องอีกรุ่นครับ RSP ผลิตหลังจาก บริษัทROVER ออกไลน์การผลิต Rover mini cooper รุ่นแรก ซึ่งเป็น คาร์บูเรเตอร์ พร้อม emission control ข้อดี เครื่องอัตราเร่งดีมาก เร่าใจเมื่อเร่ง ระบบเกียร์จะเป็น close-ratio หรือ เกียร์ซิ่งๆ ** สเปคเครื่องต่างๆ จะพิเศษกว่านะครับ เช่น คาร์บูเรเตอร์ฐานเหลี่ยมยอดนิยม (HIFF) ซึ่งได้อัตราเร่งดีกว่าตัวเก่า จานจ่ายแม่เหล็ก ข้อเสีย เครื่องRSP มีจำนวนน้อยนะครับ และ ค่าอะไหล่ในการบูรณะ ไม่ถูกเลย แพงครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2012, 10:53:52 PM โดย T_T »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:29:13 PM » |
|
ต่อไปก็หัวฉีดครับ เครื่องหัวฉีดโรเวอร์มินิ แบ่งเป็น2แบบ คือหัวฉีดเดี่ยว กับ หัวฉีดคู่ ระบบจุดระเบิดก็มี2แบบ คือ จานจ่ายไฟฟ้า กับ direct coil จานจ่ายไฟฟ้า หลักการทำงาน ไม่ต่างจากจานจ่ายทั่วไปเท่าไหร่ แต่จะมีความแม่ยำสูงขึ้น และดูแลรักษาน้อยลง จานจ่ายจะมีหน้าที่จานไฟ ไปตามสูบต่างๆ ตามลำดับของสายหัวเทียน แต่จะใช้กล่องECU สั่งการปล่อยกระแสไฟฟ้าสูงจากคอล์ย แทนการสั่งงานแบบเก่าที่ใช้หน้าทองขาว direct coil อันนี้จะไม่มีจานจ่ายครับ จะมีคอล์ย2ตัว 1ตัวจะปล่อยกระแสไฟแรงสูงไปจุดระเบิดได้2สูบ จึงต้องมี2คอล์ย กล่องECU จะควบคุมการทำงานของคอล์ยโดยตรง เมื่อกล่องECUสั่งคอล์ยทำงาน คอล์ยจะปล่อยกระแสไฟแรงสูงไปจุดระเบิดทันที อันนี้จะมีความแม่ยำสูงมากขึ้นอีก และลดการดุแลรักษาให้น้อยลงไปอีกด้วยครับ
1300 หัวฉีดเป็นระบบจานจ่ายแม่เหล็ก ตัวจานจ่ายเจาะยึดติดกับเครื่องยนต์ ส่วนไดเร็คใช้คอยล์โดยตรง ถึงแม้จะคุมการทำงานด้วยกล่องอิเล็กโทรนิคเหมือนกันก็ตาม ขอแนะนำรุ่นไดเร็คคอยล์ครับเพราะเทคโนโลยีทันสมัยกว่าเยอะไม่ต้องยุ่งอยู่กับระบบจุดระเบิด 63 ม้าเท่ากันตามสเปคโรงงานแต่ไดเร็คขับง่ายและสนุกกว่า Spi ระบบจ่ายน้ำมันหัวเดียว Mpi จ่ายมากกว่า 2 หัว อย่างไรก็ตาม ไดเร็คคอยล์ต้น ๆ ยังเป็น Spi อยู่นะครับ ยังมีอีกนะครับ รุ่นสุดท้ายของบอดี้คลาสสิค เครื่องนี้เยี่ยมมาก เรียกว่า Mpi แต่ไม่ว่าจะอย่างไรถ้าจำไม่ผิดก็ 63 แรงม้าเท่ากันนะ ยกเว้นเอาไปแต่งโดยสำนักแต่งชื่อดัง JCWหรือหลายสำนักแต่งนพครับ (แต่บ้านเราจะหาช่างจูนยังไงเนี่ย)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2012, 10:55:17 PM โดย T_T »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:30:45 PM » |
|
อันนี้หัวฉีดแบบธรรมดาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:42:40 PM » |
|
ให้ลองดูไดชาร์ทครับ ถ้าเป็น direct coil ก็จะจ่ายไฟได้ 60 แอมป์ ครับ ถ้าเป็นหัวฉีดธรรมดาก็จะได้ 45 แอมป์ แต่ก็มีของแต่งนอกในรูปทรงเดิมๆนะครับที่มีถึง 70 แอมป์นะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2012, 10:58:03 PM โดย T_T »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:46:33 PM » |
|
ส่วนใหญ่ในบ้านเราถ้าเป็นตัวธรรมดาก็มักจะเปลี่ยนเป็นของญี่ปุ่น เผื่อให้ได้ 60-80 แอมป์แล้วแต่ชอบครับ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนละก้อ ได้กินข้าวลิงแน่ๆครับ ผู้เขียนไปนั่งกินมาแล้วครับ ก่อนถึงทางเข้าภัตรคารจันเพ็ญ ก็แหมไอ้เจ้าไดชาร์ทติดรถมันแค่ 45 แอมป์เอง แค่เปิดแอร์ เครื่องเสียง ไฟก็หมดหม้อแล้ว
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:52:29 PM » |
|
กลับมาว่ากันต่อ หลังจากที่ลงเรือข้ามทะเลมาที่บ้านคนรักษ์เร้นจ์ แล้ว ทั้งน้องแจ็คกับพี่ปํญจะ ก็ลงมือผ่าตัด ตับไตไส้พุง ให้กลับเข้าที่เลยครับ ของมาครบๆ ไม่มีการตัดต่อ มันเลยง่ายครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 08:58:23 PM » |
|
ผ่านไปเกือบปี จาก rover ก็เป็น mini แล้วครับ มีใครสังเกตบ้างมั้ยครับ ว่าไรเปลี่ยนไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 09:00:50 PM » |
|
จริงๆแล้ว บอดี้ ภายใน และเครื่องเคราก็ไม่ต่างกันหรอกครับ แค่เปลี่ยนโลโก้เท่านั้นเอง ทามให้งงเล่นนะ
|
|
|
|
T_T
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 09:34:05 PM » |
|
อ้อ นึกขี้นมาได้ ถังนำมันมินิมีความจุอยู่ที่ 36 ลิตรนะครับ หัวฉีดก็ 8-10 โลลิตรนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|